วันนี้ (23 พ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายคริส โปตระนันทน์ แกนนำกลุ่มราษฎร ได้เก็บตัวอย่างน้ำสารเคมี จากการสลายการชุมนุมที่แยกเกียกกาย และรัฐสภาจากการชุมนุมเมื่อ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา มอบให้ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ช่วยตรวจสอบ และพบสาร 5 ชนิด จำนวนนี้มีสารเคมีชนิดรุนแรงต่อร่างกาย จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบต่อผู้เสียหาย ไม่ควรปล่อยให้เรื่องเงียบ
ทั้งนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบจากโดนฉีดน้ำผสมสี และสารเคมีบาดเจ็บ และแผลพุพองกว่า 10 คน โดยวันนี้ได้นำตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย 4 คนเข้าแจ้งความกับตำรวจและผู้สั่งการ ที่สน.บางโพ
นำผู้เสียหายคนที่แพ้น้ำผสมสารเคมีในช่วงการสลายการชุมนุม ม็อบ 17 พฤศจิกา มาให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบดำเนินคดีตามกฎหมายกับตำรวจผู้ปฎิบัติหน้าที่ฉีดน้ำ และผู้สั่งการให้ฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ข้อหาปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และทำร้ายร่างกาย
นายสุรเชษฐ์ จิตต์เจริญหนึ่งผู้เสียหาย ถูกฉีดน้ำผสมสีใส่ที่แยกเกียกกาย มีอาการแสบคันก่อนที่จะมีแผลคล้ายถูกน้ำร้อนลวก จึงรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ระบุออกมาแสดงออกทางการเมืองโดยปราศจากอาวุธ เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ
ด้านพ.ต.อ.สุรเดช พจนาวงษ์พานิช ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลบางโพ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อตรวจสอบ พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายก่อน ว่าเข้าข่ายแจ้งข้อหาดำเนินคดีได้หรือไม่
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา รศ.ดร.วีรชัย เผยผลตรวจสอบตัวอย่างน้ำที่ใช้ผลักดันผู้ชุมนุมแยกเกียกกาย เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา พบสารสำคัญ 5 ชนิด ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา ผิวหนัง
หมอทศพร จี้ตำรวจเลิกใช้ความรุนแรง
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงกรณีสารเคมีที่ตำรวจใช้สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนที่ได้รับผลกระทบโดนฉีดน้ำผสมสีและสารเคมี เดินทางมาเล่าถึงอาการบาดเจ็บสาหัสผิวไหม้พุพอง ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้รัฐบาล และตำรวจเลิกใช้ความรุนแรงกับประชาชน ส่วนกรณีฝั่งตำรวจที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ไม่เป็นความจริงเนื่องจากน้ำฉีดมาจากฝ่ายตำรวจ ถ้าจะโดนอาจโดนเพียงละอองน้ำเท่านั้น
หลังจากนี้ นพ.ทศพร จะอาศัยอำนาจของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย รับเรื่องดังกล่าวผลักดันเข้าสู่คณะกรรมมาธิการ ในส่วนขั้นตอนการสลายการชุมนุม ได้มีคณะกรรมการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเข้ามาเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นเพื่อดำเนินคดีแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ช่างภาพไทยพีบีเอส หนึ่งในผู้แพ้สารเคมีรุนแรง
นายจารุวัฒน์ ราชโลหะ ช่างภาพข่าวไทยพีบีเอส หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ ว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติภารกิจ แถวแยกเกียกกาย โดยอยู่ในแนวหน้าของการ์ดราษฎร ไม่มีใครคิดว่าจะฉีดน้ำตอนนั้น เพราะการ์ดกำลังเริ่มตั้งแถว แต่มีเสียงประกาศจากตำรวจออกมาแต่ไม่ชัดเจน สักพักก็ฉีดน้ำเข้ามาใส่ ซึ่งพยายามหลบแล้ว รอบแรกเป็นน้ำเปล่าไม่มีกลิ่นอะไร แต่รอบที่ 2 ที่เริ่มฉีดมาพบมีกลิ่นแก๊สด้วย
ตอนที่โดนฉีดน้ำเปียกทั้งตัว ตั้งแต่ 14.00 น.จนถึงเกือบเที่ยงคืนของวันนั้น และเริ่มแสบๆคันทันที ที่ผ่านมาไม่เคยแพ้อะไร จนรุ่งเช้า รู้สึกตึงที่ผิวบริเวณแขน และเจอมีตุ่มน้ำพองใสๆขึ้นหลายจุด
นายจารุวัฒน์ กล่าวว่า หลังพบว่ามีอาการแพ้ เข้าพบหมอที่คลินิกของออฟฟิส แพทย์วินิจฉัยไม่ถูก แต่จัดยาบรรเทาอาการปวดคัน และยาแก้ผืนแพ้ เกือบ 5 วันเริ่มดีขึ้น แผลแห้งแต่ยังๆคัน ดุแล้วแผลพุพองไม่มาก ซึ่งหลังจากตำรวจและฟังนักวิชาการที่วิเคราะห์สารเคมีที่ใช้สลายการชุมนุม มี 5 ชนิดจึงค่อนข้างฟันธงว่าตัวเองแพ้น้ำสารเคมี
ถือว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่เสี่ยง ทำให้ในการชุมนุมต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเองและทีมงานให้ปลอดภัยมากยิ่ง และอยากฝากถามว่าสารเคมีที่บอกว่าเป็นสากลแบบไหน ทำไมถึงทำให้คนมีอาการแพ้รุนแรง และในระยะยาวจะมีผลข้างเคียงอีกหรือไม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ.อ๊อด เผยพบสาร 5 ชนิดใน "น้ำ" ฉีดสกัดม็อบแยกเกียกกาย
ตร.ฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาสกัดมวลชน หลังประชิดแนวกั้นใกล้รัฐสภา
ตร.ปัดใช้กระสุนคุมชุมนุม-เก็บหลักฐานเหตุปะทะแยกเกียกกาย