ความคืบหน้าคดีเจ๊ปากแดง เจ้าแม่เงินเงินกู้นอกระบบ และคิดดอกเบี้ยโหดในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังผู้เสียหายแจ้งความตำรวจถูกทำร้ายร่างกาย เพราะค้างชำระหนี้ทำให้ชาวบ้านที่เป็นลูกหนี้จำนวนมากเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม
วานนี้ (11 ธ.ค.2563) หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง จ.นครพนม ขอศาลจังหวัดนครพนม อนุมัติหมายจับในกรณีเร่งด่วน โดยพล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนคร พนม มอบหมายให้ พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิตธิโชติ ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครพนม ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ เข้าจับกุมตัวนางมาลี วรสวัสดิ์ หรือฉายาเจ๊ปากแดง อายุ 40 ปี ในบ้านพัก ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ พร้อมกับสามีคือนายสุวพรรดิ์ ดำคลองตัน อายุ 46 ปี พร้อมลูกน้องอีก 1 คน แต่จากการตรวจในบ้านไม่พบเอกสารที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินแม้แต่ชิ้นเดียว จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปสอบสวนที่ สภ.บ้านแพง จ.นครพนม พื้นที่ที่เกิดเหตุ
ดอกเบี้ย 400 บาทต่อวันจากเงินต้น 2 หมื่นบาท
ก่อนหน้านี้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านแพง จ.นครพนม โดยใบหน้ายังมีร่องรอยการถูกทำร้าย หลังถูกนายทุนเงินกู้นอกระบบส่งสามี และลูกน้องยกพวกมารุมทำร้าย และใช้ปืนพกตบใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บ บริเวณลอนจอดรถงานศพบ้านดอนสะฝาง ตำบลโพนทอง อำเภอบ้านแพง เมื่อคืนวันที่ 7 ธันวาคม
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้กู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบที่อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เมื่อเดือนก.ย.2562 จำนวน 20,000 บาท โดยตกลงจ่ายดอกเบี้ยวันละ 400 บาทไม่รวมเงินต้น และส่งตามปกติมาตลอด กระทั่งเกิดสถานการณ์ COVID-19 จึงขอหยุดจ่ายชั่วคราว เพราะไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้ตามมาตรการล็อกดาวน์ และยังจ่ายเงินต้นไปแล้ว 5,000 บาท เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จึงเหลือเงินต้นเพียง 15,000 บาท แต่นายทุนเงินกู้ไม่ยอม และส่งลูกน้องมาทำร้ายร่างกาย
หนึ่งในชาวบ้านที่มาให้กำลังใจผู้เสียหาย อ้างว่า เคยตกเป็นเหยื่อแก๊งเงินกู้กลุ่มนี้เช่นกัน ที่ผ่านมาเคยถูกข่มขู่และถูกรุมทำร้ายร่างกาย แต่ตำรวจก็ไม่เคยดำเนินคดีกับแก๊งเงินกู้กลุ่มนี้