8 ปี ที่คนในครอบครัวนี้ตามหานางสาวมยุรี ยอดพะเนา หรือ หลิว หญิงสาวโรงงานใน จ.สระแก้ว แต่เป็นเวลา 8 ปีที่คนในครอบครัว มีความเชื่อว่า นางสาวมยุรี อาจยังมีชีวิตอยู่ไม่มีใครคิดว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอหายตัวไปเพราะถูกฆาตกรรม
เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2555 หรือ 8 ปีก่อนเธอออกจากบ้านที่อำเภอโคกสูง เพื่อไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรม 304 จ.ปราจีนบุรี และ เช่าหอพักในย่านเดียวกัo
จนกระทั่งวันที่ 5 พ.ค.2555 เธอหายตัวไปจากห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาคลองรั้ง จ.ปราจีนบุรี จอดมอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้ที่ห้างโลตัส จากวันนั้นเธอขาดการติดต่อ ขาดงาน และ ไม่เคยติดต่อ ๆ ไปทางครอบครัวอีกเลย
ปลายเดือน พฤษภาคม ปีเดียวกัน ครอบครัวออกตามหาที่นิคมอุตสาหกรรม 304 และไปเก็บของในห้องพักที่เช่าไว้
ต้นเดือนมิถุนายนมี SMS จากเบอร์ ที่ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์ของนาวสาวมยุรี ส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิท ว่าไม่ต้องห่วงจะไปทำงานต่างประเทศ
5 เดือนต่อมา ครอบครัวนางสาวมยุรี เห็นว่า การหายตัวไปอาจไม่ใช่ไปทำงานต่างประเทศ จึงแจ้งความคนหายในเดือนพฤศจิกายน และ เริ่มออกตามหาจากเพื่อน หรือคนใกล้ชิด อื่น ๆ แต่ไม่มีใครทราบเบาะแสการหายตัวไป
จนกระทั่งปี 2563 มูลนิธิกระจกเงา เก็บข้อมูลศพนิรนาม ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จ.ฉะเชิงเทรา จ.ปราจีนบุรี และ จ.สระแก้ว พบ ศพหญิง ต้องสงสัยว่าจะเป็น น.ส.มยุรี 3 ศพ
หนึ่งในร่างผู้เสียชีวิต ถูกพบเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2555 บริเวณไร่อ้อย บ้านใหม่เจริญผล หมู่ 13 ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เป็นหญิงมีรอยสักที่ข้อเท้า แต่ใบหน้าเปลี่ยนรูปศพถูกนำส่งชันสูตร เบื้องต้นที่โรงพยาบาลวัฒนานคร และ ส่งผ่าชันสูตร ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ผลการชัณสูตร พบ ร่างกายศพมีบาดแผลฉีกขาดจากกระสุนปืน จากนั้นจึงนำไปฝากไว้ที่สุสานเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี
ต่อมาแม่ของ น.ส.มยุรี เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.สระแก้ว ตรวจเทียบกับศพนิรนามศพนี้ และ สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันผลดีเอ็นเออย่างเป็นทางการ ว่า ดีเอ็นเอ แม่ของ น.ส.มยุรี มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับศพหญิงนิรนาม
ญาติของ น.ส.สยุรี เล่าว่า "ระหว่างที่ หลิว มีชีวิตเธอถูกทำร้ายร่างกายอยู่หลายครั้งจากผู้ชายที่ครบหาดูใจกัน เคยถูกขังอยู่ในห้องพักครู และ เคยถูกตบด้วยด้ามปืน
นี่เป็นหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว วันที่ 18กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระบุรายชื่อ
นายจุมพล สุภาพงษ์ เป็นผู้ต้องหาฐานความผิด ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ ทำลายศพ
TheEXIT เดินทางไปหาคำตอบที่อำเภอตาพระยา ซึ่งเคยเป็นบ้านพักของผู้ต้องหาระหว่างรับราชการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่นี่ เพื่อยืนยัน ว่า ผู้ต้องหาเคยขอครอบครองปืนหรือไม่
จากข้อมูลการขออนุญาตครอบครองปืน พบว่า ผู้ต้องหาเคยครอบครองทั้งหมด 3 กระบอก เป็นปืนชนิดกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 ม.ม.จำนวน 1 กระบอก ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก และ ปืนสั้นลูกโม่ .38 จำนวน 1 กระบอก
แต่ปืน ขนาด 9 ม.ม. ถูกแจ้งหายไปในคดีลักทรัพย์ ที่สภ.ตาพระยา จ.สระเเก้ว เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2556 หลังจากผู้ต้องหาประสบอุบัติเหตุ เป็นช่วงเวลาที่ผู้เสียชีวิตสูญหายไปเพียง 1 หัวกระสุนขนาด 9 ม.ม.จำนวน 2 นัด ในร่างของผู้เสียชีวิต เป็นหลักฐานนำไปสู่การแกะรอยปืน เพื่อนำไปสู่หลักฐานเชื่อมโยงถึงผู้ก่อเหตุ
การตรวจค้นบ้านพักจังหวัดสุพรรณบุรี ของผู้ต้องหาโดยเฉพาะบ่อน้ำหลังบ้านที่ตำรวจตรวจพบกระสุนจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อเทียบเกลียวกระสุนอีกครั้ง
สำหรับสถิติรับแจ้งคนหาย ของมูลนิธิกระจกเงา ปี 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,575 คน พบ1,531 คน ติดตาม 44 คน ปี 2562 จำนวน 1,524 คน พบ 1,271 คน ติดตาม 253 คน 2563 จำนวน 1,522 คน พบ 1,139 คน ติดตาม 383 คน และในปีนี้มีคนหาย 259 คน พบ 146 คน ติดตาม 113 คน