วันนี้ (24 พ.ค.2564) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน เพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยภายหลังจากการประชุมวิป 3 ฝ่ายว่า กรอบการประชุมในวันที่ 27-28 พ.ค.นี้ พิจารณาพระราชกำหนด 2 ฉบับ คือ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ปี 2564 และ พ.ร.ก.การให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ทั้งนี้ ในวันที่ 31 พ.ค.- 2 มิ.ย.นี้ จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 มติที่ประชุมให้ประชุม 3 วันตามกรอบ โดยใช้เวลาอภิปราย 47 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนวันที่ 31 พ.ค. เริ่ม 09.30-01.00 น. และวันที่ 1-2 มิ.ย. เวลา 09.00-01.00 น. และจะลงมติ โดยจัดสรรเวลา 3.30 ชั่วโมง เป็นเวลาของประธานที่ประชุม และ ครม. ส.ส. รัฐบาล 22 ชั่วโมง ส่วนฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้รับรองว่าเป็นน้องๆ การอภิปรายไม่ไว่วางใจงบประมาณปี 2565 ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณแผ่นดิน
ส่วนการตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาศึกษาร่างกฎหมายจำนวน 64 คน ลดจากปีที่ผ่าน 72 คน เพราะสถานการณ์ COVID-19 และการพิจารณา พ.ร.ก. 2 ฉบับ สืบเนื่องมาจากกรณีรัฐบาลออก พ.ร.ก.ตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
เมื่อประชุมวาระแรก ต้องนำให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยการพิจารณานั้นจะอภิปรายรวม 20 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 27-28 พ.ค. ฝ่ายค้านและรัฐบาลแบ่งฝ่ายละ 9 ชั่วโมง ส่วนประธานที่ประชุม 2 ชั่วโมง
ขณะที่การตั้งกรรมาธิการสัดส่วน 64 คนแบ่ง ครม. 16 คน, พรรคเพื่อไทย 13 คน, พรรคพลังประชารัฐ 12 คน, พรรคภูมิใจไทย 6 คน, พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคก้าวไกล พรรคละ 5 คน
นอกจากนี้ พรรคละ 1 คน ประกอบไปด้วยพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังท้องถิ่นไทย
ขณะที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในการอภิปรายจะสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชน และผู้ประกอบการธุรกิจที่ประสบปัญหาและผลกระทบจาก COVID-19 ที่เผชิญอยู่ โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ที่ถูกปรับปรุง แต่ยังมีหลายอย่างที่จำเป็นต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ส่วนงบประมาณปี 2565 มีการวางกรอบงบประมาณรายได้ หรืองบประมาณรายจ่าย แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณาคำนึงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงในขณะนี้ จึงจำเป็นที่ต้องมีการแก้ไขปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการในวาระที่ 2 ต่อไป ที่จะตัดโครงการไม่จำเป็น และรีดไขมัน เพื่อนำงบประมาณไปใช้ในการแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ในขณะนี้