วันนี้ (26 ก.ย.2564) นายกรกต ธำรงวงศ์สวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผอ.โครงการชลประทานครราชสีมา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ เพื่อตรวจประเมินวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์
ภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
ทั้งนี้ โครงการชลประทานนครราชสีมา ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งการระบายน้ำออกจากพื้นที่ ณ อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา โดยได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจากส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4 สำนักเครื่องจักรกล
ขณะที่ นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้แจ้งทุกอำเภอว่า อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง จะต้องระบายน้ำเพิ่มอีกมากตั้งแต่วันนี้ (26 ก.ย.64)
จึงขอให้อำเภอท้ายอ่าง ตั้งแต่ อ.โนนไทย โนนสูง เมือง พิมาย ฯลฯ ลงไป แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ริมน้ำและที่ลุ่มต่ำ ให้เก็บทรัพย์สินสิ่งของจำเป็นขึ้นไว้ที่สูงกว่าที่เคย ระวังติดตามมวลน้ำไหลเชี่ยวแรง ดูแลเด็กเล็ก คนชรา และผู้ป่วยติดเตียง
พร้อมประสานท้องถิ่น ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดสำคัญทางเศรษฐกิจ จัดหาและสนับสนุนทราย/กระสอบ ให้กับประชาชน เพื่อปิดกั้นน้ำเข้าบ้านเรือนและพื้นที่สำคัญ
และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ประสานกำลังพล สนับสนุนการอพยพประชาชน ไปยังศูนย์พักพิงที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ตั้งโรงครัว หรือครัวพระราชทาน เพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบและเจ้าหน้าที่ ที่สำคัญแจ้งให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้อย่างทั่วถึง ขอให้ติดตามและปฏิบัติตามคำแนะนำ
กรณีการอพยพ ขอให้ไม่ต้องห่วงทรัพย์สิน แต่ควรห่วงชีวิตและการสูญเสีย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองจะมีการลาดตระเวณตรวจตรา ป้องกันผู้ฉกฉวยโอกาสขโมยลักทรัพย์สิน
ภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
แจ้งระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ฉบับที่ 2
ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา ได้รับแจ้งจากโครงการชลประทานนครราชสีมา ว่าเนื่องจากปริมาณน้ำจากลำเชียงไกร ตอนบน และลำน้ำสาขามีปริมาณป็นจำนวนมาก และได้ระบายลงอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง
จึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำเป็นจำนวนมาก (ข้อมูล ณ เวลา 14.09 น.วันที่ 26 ก.ย.64) ระบายน้ำลงลำน้ำเดิม 66.43ลบ.ม. ระบายน้ำผ่านอาคาร ระบายน้ำฉุกเฉิน 101.72 ลบ.ม. รวมการระบายน้ำ 168.15
ส่งผลให้ระดับน้ำในลำเชียงไกร และลำน้ำสาขา มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมสองฝังลำน้ำ และพื้นที่ริมตลิ่ง