วันนี้ (2 ก.พ.2565) กรณีที่มีชาวบ้านพบซากเนื้อสุกรชำแหละ 300 กิโลกรัม ถูกนำไปทิ้งที่บริเวณกองขยะริมถนนเลียบแม่น้ำมูล เขตเทศบาลตำบลคำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เนื้อหมูที่ถูกนำไปทิ้งคาดว่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้าที่กักตุนเนื้อหมูไว้จำนวนมาก และหลีกเลี่ยงการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจห้องเย็นแล้วมีการเคลื่อนย้ายจนเกิดเน่าเสีย และนำมาทิ้งไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่เทศบาลจะฝังกลบเพื่อควบคุมโรคระบาด
ส่วนการตรวจยึดซากหมูชำแหละที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศ เพื่อนจำนวน 24 ตันของเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์จังหวัดมุกดาหาร เมื่อช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบผลตรวจว่าเป็นหมูที่ติดเชื้อโรคหรือไม่ แต่ของกลางทั้งหมดได้ฝังทำลายไปแล้ว
ไม่พบลักลอบนำเข้าหมูข้ามพรมแดน
การพบการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาหมูในประเทศเพื่อนบ้าน และหมูราคาแพง ทำให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรและปศุสัตว์ประจำด่านตรวจพรมแดนช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ต้องนำสุนัขดมกลิ่นรถขนส่งสินค้าทุกคัน ที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เนื้อหมูชำแหละ
จากการตรวจสอบพบว่าสินค้าที่นำเข้าผ่านชายแดนแห่งนี้ ยังเป็นสินค้าด้านการเกษตรเช่น พืชผัก และมันสำปะหลัง ไม่พบว่าลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์ ที่เป็นสินค้าต้องห้ามผ่านแดนปะปนเข้ามากับสินค้าในกลุ่มการเกษตร
ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้า ด่านชายแดนช่องเม็ก ให้ข้อมูลว่า การจะนำเข้าเนื้อหมูหรือเนื้อสัตว์ประเภทอื่นผ่านด่านนี้เป็นเรื่องยาก เนื่องจากทางประเทศเพื่อนบ้าน มีห้องเย็นเป็นตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็กเพียงแห่งเดียว
ส่วนที่เหลือจะเป็นตู้แช่แข็งแบบใช้ตามร้านค้าทั่วไป ถ้าลักลอบนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็งเหมือนชายแดนด้านอื่น ก็อาจจะไม่คุ้มกับการลงทุน และเชื่อว่าเนื้อหมูชำแหละ ที่เน่าเสียถูกนำไปทิ้งริมถนน น่าจะเป็นเนื้อหมูในประเทศ ที่เก็บไว้นานจนเน่าเสีย ไม่ใช่เนื้อหมูลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อนุกมธ.สภาฯ เรียกรัฐ-เอกชนสอบปมโรค ASF ส่งผลราคาพุ่ง