วันนี้ (3 ก.พ.2565) ตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วยกำลังชุด PCT นำกำลังเข้าตรวจค้นในบ้านพักหลังหนึ่ง ใน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จับตัวนายณฐกร ควงวงค์ อายุ 28 ปี และ น.ส.อ้อยใจ โคตรรัมย์ อายุ 34 ปี หลังสืบสวนพบว่าทั้ง 2 คน ร่วมกับชาวกัมพูชา หลอกลวงคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา แล้วโทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทย
จากนั้นได้นำตัวทั้ง 2 คนไปชี้จุดบ้านพักอีกหลังที่อยู่ไม่ห่างกัน ซึ่งเป็นจุดพักแรงงานที่เตรียมส่งไปที่กัมพูชา
นายสุเวช กันอบ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.โคกสูง เปิดเผยว่า เคยได้รับแจ้งว่ามีการนำแรงงานมาพักไว้ที่บ้านนี้ ก่อนที่จะถูกส่งออกไปแบบผิดกฎหมาย โดยนายหน้าเหล่านี้จะได้รับค่าจ้างหัวละไม่ต่ำกว่า 7,000 บาท
การจับผู้ต้องหาครั้งนี้ ตำรวจได้ข้อมูลจากผู้เสียหายที่ได้รับการช่วยเหลือมาจากกัมพูชา โดยผู้เสียหายคนนี้ให้ข้อมูลว่า ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปได้สมัครงานผ่านเฟซบุ๊กกับผู้ต้องหา โดยอ้างว่าจะให้ไปทำงานเป็นแอดมินเพจเว็บไซต์การพนัน และมีรายได้สูงจึงหลงเชื่อ จากนั้นผู้ต้องหาก็จะมารับผู้เสียหายที่หน้าบ้านพัก ก่อนจะนำมาพักที่บ้านพักหลังนี้ และเมื่อถึงเวลาก็จะพาไปส่งที่ชายแดนบริเวณข้างปราสาทสด๊กก๊อกธม ในเวลากลางคืนและใส่เสื้อผ้าสีดำพรางตัวเจ้าหน้าที่
ด้านผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อข้ามไปถึงจะมีบ้านพักกลางทุ่งนาอีกหลังให้รวมตัวกันก่อนที่จะมีรถมารับไปทำงานที่สีหนุวิลล์ โดยที่ถูกบังคับทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมตัวโทรศัพท์มาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหลอกให้โอนเงินกลับมา โดยทำวันละ 15 ชั่วโมง เมื่อเสร็จงานก็จะถูกขังตัวอยู่ในห้องห้ามออกไปด้านนอก หากไม่ทำตามก็จะถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนใครที่ไม่สามารถทำงานได้ก็จะถูกส่งขายต่อไปยังแก๊งอื่น
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า การสืบสวนตำรวจพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงในหลายรูปแบบ ทั้งหลอกว่าได้รับรางวัล หรือปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหลอกว่ามีโทษทางคดีอาญา หรือให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินต่างๆ แล้วไม่สามารถถอนเงินคืนกลับมาได้ และมีผู้เสียหายถูกหลอกเป็นจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมเป็นวงกว้าง
สำหรับเครือข่ายดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจได้ออกหมายจับรวม 19 หมายจับ และจับได้แล้ว 2 คน บางส่วนหลบหนีอยู่ในกัมพูชา โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันเป็นอั้งยี่, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, ร่วมกันเรียกค่าไถ่ และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
รอง ผบ.ตร. ยังระบุว่า มีกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำงานแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คน ขณะนี้กำลังประสานงานกับทางการกัมพูชาให้จับผู้ต้องตามหมายจับที่หลบหนีอยู่ในกัมพูชาในสัปดาห์หน้า ส่วนเจ้าของบ้าน หรือจุดพักแรงงานก่อนส่งไปกัมพูชา จะมีความผิดร่วมด้วย และแรงงานที่ออกไปหลอกชาวไทยจะดูความผิดเรื่องของการเจตนาเป็นหลักว่า ถูกกลุ่มนายทุนบังคับให้ก่อเหตุหรือไม่
ขณะที่ผู้ต้องหา ยอมรับว่าเป็นผู้นำพาแรงงานแบบผิดกฎหมายจริง โดยได้ค่าตอบแทนคนละ 5,000 บาท และจะนำไปส่งตามคำสั่งของนายหน้าฝั่งกัมพูชา เมื่อก่อนเคยทำงานในบ่อนการพนันมาก่อนจึงรู้ช่องทางการติดต่อ โดยจะใช้เวลาหลังเที่ยงคืน และจะให้ทุกคนแต่งชุดสีดำ เพื่อหลบการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ และจะมีคนฝั่งกัมพูชามารอรับอีกกลุ่ม
ทั้งนี้ ฝากเตือนคนไทยที่ต้องการสมัครเดินทางไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ต่างประเทศเพื่อหลอกลวงคนไทยด้วยกันเป็นความผิดตามกฎหมาย นอกจากจะถูกดำเนินคดีแล้วยังต้องถูกยึดอายัดเงินที่ได้มา รวมทั้งอย่าหลงเชื่อคนที่มาชักชวนไปทำงานที่มีรายได้สูงในประเทศเพื่อนบ้านเพราะอาจถูกหลอกลวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน เงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท
นายกฯสั่งจัดการเด็ดขาดแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงระบาดหนัก