วันนี้ (2 มี.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีอาคารสำนักงานตำรวจในเมืองคาร์คีฟ ประเทศยูเครน เกิดเพลิงโหมลุกไหม้อย่างหนักจนอาคารพังเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดับไฟ เบื้องต้นยังไม่แน่ชัดว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีครั้งนี้หรือไม่
เจ้าหน้าที่ทางการคาร์คีฟ เปิดเผยว่า รัสเซียเดินหน้าบุกโจมตีเมืองอย่างหนัก ตั้งแต่คืนวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น และในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 21 คน บาดเจ็บอีกประมาณ 112 คน หลังจากอาคารสำนักงานภาครัฐและย่านที่พักอาศัยใจกลางเมือง ถูกยิงถล่มอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.)
"รัสเซีย" อ้างยึดเมืองยุทธศาสตร์ตอนใต้ได้แล้ว
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยความคืบหน้าปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ว่า ขณะนี้ทหารรัสเซียได้ยึดเมืองเคอร์สัน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของยูเครนเอาไว้ได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยูเครนในพื้นที่ปฏิเสธและยืนยันว่าเมืองยังไม่ถูกยึดตามที่รัสเซียกล่าวอ้าง
หากรัสเซียยึดเมืองนี้จะถือว่าเป็นความสำเร็จของรัสเซีย ที่สามารถยึดเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดได้ นับตั้งแต่เปิดฉากบุกยูเครนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ รัสเซียยังยืนยันว่าได้เปิดปฏิบัติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของยูเครนในกรุงเคียฟ แต่ไม่ได้โจมตีย่านที่พักอาศัยแต่อย่างใด หลังจากนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ระบุว่า รัสเซียโจมตีหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ในเมืองหลวง ซึ่งส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน
ผู้นำยูเครนชี้รัสเซียต้องการลบการมีอยู่ของยูเครน
ขณะที่โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า รัสเซียต้องการที่จะลบความเป็นชาวยูเครน ประเทศยูเครนและประวัติศาสตร์ของยูเครนให้หมดไป
นอกจากนี้ยังประณามการโจมตีอนุสรณ์สถานรำลึกเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในกรุงเคียฟ โดยระบุว่าเหตุโจมตีดังกล่าวสะท้อนว่าชาวรัสเซียจำนวนมากไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกรุงเคียฟเลย พร้อมเรียกร้องให้ชาวยิวทั่วโลก ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านรัสเซียและประณามการสังหารพลเรือน รวมทั้งชาวยูเครนด้วย
การสู้รบในวันที่ 7 ยังเป็นไปอย่างเข้มข้นในหลายเมือง ล่าสุดโฆษกรัฐบาลรัสเซีย เปิดเผยว่า รัสเซียพร้อมเดินหน้าเปิดการเจรจารอบ 2 กับยูเครนในคืนนี้ (2 มี.ค.) แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ยูเครนจะเข้าร่วมการหารือด้วยหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้นำยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียหยุดโจมตีด้วยระเบิดในยูเครนก่อน จึงจะยอมร่วมเจรจาด้วย
ที่มา : Reuters, BBC, CNN, AP, AFP