ปิดสมัยประชุมสภาแล้ว รอเวลาเปิดใหม่ปลายเดือนพฤษภาคม 2565 ส.ส.ดูคึกคักกว่าปิดสมัยประชุมสภาคปีก่อนๆ
เพราะไม่เพียงแค่ ได้กลับไปเกาะติดในพื้นที่ อยู่กับชาวบ้านในเขตเลือกตั้งของตนเองได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ปิดสภาหนนี้เป็นช่วงรอยต่อพอดี สำหรับการเตรียมพร้อมเพื่อนับถอยหลัง สู่การเตรียมเลือกตั้งส.ส.ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ด้วย
เท่ากับเป็นช่วงเวลาสำคัญของการตัดสินใจว่า จะยังอยู่พรรคการเมืองเดิม หรือได้เวลาต้องโยกย้ายไปอยู่พรรคการเมืองใหม่
ตามวัฏจักรการเมืองไทย ที่เวียนว่ายซ้ำซากไม่สิ้นสุด ยิ่งในสภาพการแข่งขันที่รุนแรง ระหว่าง 2 ขั้วการเมือง
หนุน "บิ๊กตู่" กับไม่เอา "บิ๊กตู่" ยังคงแบ่งขั้วชัดเจน แต่ที่จะต่างไปจากเดิม (เลือกตั้งมี.ค.2562) คือ ขั้วทางเลือกที่ 3
หลังจากชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เริ่มจะ "ขายไม่ออก” ไม่ว่าจะดูจากเลือกตั้ง 2 เขต 2 จังหวัดภาคใต้ กับเขต 9 กรุงเทพฯ หลักสี่-จตุจักร
แม้จะมีเสียงยืนยันจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เรื่อง 260 เสียงที่ยังสนับสนุน "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯ แต่ก็ชัดเจนว่า หนุนให้เป็นนายกฯ จนครบวาระรัฐบาล 4 ปีเท่านั้น
ไม่ได้หมายถึงหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะทั้งภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ ต่างพูดชัดตั้งแต่ไก่โห่แล้วว่า จะสนับสนุนนายอนุทิน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นนายกรัฐมนตรีตามลำดับ
เท่ากับมิตรแท้ มิตรเทียม จะได้เห็นกันจริงๆ ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า
แม้ว่า โทนี วู้ดซั่ม (ทักษิณ ชินวัตร) จะเปิดประเด็น ส.ส.ถูกไล่จับฉีดวัคซีนให้ย้ายพรรค คนละ 20-30 ล้านบาท ยังไม่นับเรื่องแจกคนละ 2 แสนบาทเป็นรายเดือน
แต่ได้กล่าวทิ้งท้ายเป็นปริศนาให้ขบคิด ในฐานะเคยคลุกคลีอยู่กับ ส.ส.จำนวนมาก เมื่อครั้งนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งว่า ส.ส.กลัวสอบตกอย่างเดียว ก่อนสอบใครเอาตังค์มาให้จะรับหมด แต่ถึงเวลาจะต้องคิดก่อนว่าจะสอบได้หรือเปล่า ถ้าสอบตกจะไม่ไป
"ส.ส.เหมือนไก่ชน ถ้าชนชนะตัวละ 3 แสน แต่ถ้าชนแพ้ กิโลละ 35 บาท" จึงเสมือนสะท้อนความคิดของ ส.ส.ว่าเป็นอย่างไร ความเคลื่อนไหวในระหว่าง "ปรีซีซัน" จึงยังไม่ใช่การชี้ชัดเด็ดขาดว่าจะเลือกไปสังกัดพรรคใด
สอดรับกับความเห็นของกูรูการเมืองหลายคน ที่เห็นว่า ยังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการตัดสินใจของส.ส. และเชื่อว่า ปรากฏการณ์ "ไล่ช้อนซื้อ" ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ยังจะมี "คนไล่ช้อน"ปรากฎให้เห็นอีกหลายระลอก เพราะจะว่าไปแล้ว ส.ส.เกรดเอเกรดบีที่อยู่ในข่ายมีโอกาสชนะในสนามเลือกตั้ง ยังมีอยู่จำกัด วนไปซ้ำมา
ไม่ต้องรีบร้อน เก็บสะสมไปเรื่อยๆ นอกจากจะได้ทุนไว้ใช้เลือกตั้งครั่งหน้าแล้ว ยังจะกำไรเก็บตุนไว้ในบัญชีอีกต่างหาก เข้าตำราน้ำขึ้นให้รีบตัก
ส่วนเรื่องคุณภาพค่อยว่ากันทีหลัง