เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่าในช่วง 3 เดือนนับจากนี้จะมีการใช้มาตรการดูแลราคาพลังงาน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพและความเดือดร้อนของประชาชน ประมาณ 43,000-45,000 ล้านบาท ซึ่งหากบวกตัวเลขดังกล่าวกับเงินที่ภาครัฐอุดหนุนราคาพลังงานไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันที่ 164,228 ล้านบาท จึงคาดว่าจะใช้งบประมาณช่วยเหลือด้านพลังงานรวมประมาณ 200,000 ล้านบาท
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รัฐได้ใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการอุดหนุนราคาพลังงานมาอย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 20 มี.ค.2565 ทำให้กองทุนมีสถานะติดลบ 32,831 ล้านบาท เป็นระดับที่สูงเกินกว่าจะดำเนินการต่อไปได้ จึงจำเป็นต้องปล่อยให้มีการปรับขึ้นราคาพลังงานบางส่วน แบบมีการบริหารจัดการ ไม่ใช่ปล่อยให้ลอยตัวขึ้นทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายและมาตรการด้านพลังงานในช่วง 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.) ดังนี้
ด้านน้ำมันดีเซล
แนวทางการบริหารราคาน้ำมันดีเซลในเดือน เม.ย.นี้ จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร (กรณีราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 115-135 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะอุดหนุนอยู่ที่ประมาณลิตรละ 8 บาท ส่วนในเดือน พ.ค.-มิ.ย. รัฐจะช่วยสนับสนุนการตรึงราคาครึ่งหนึ่ง (50%)
นอกจากนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมี่ยม เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ใช้กับกลุ่มรถของผู้ที่มีกำลังจ่ายสูง เพื่อลดภาระการชดเชยของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และนำเงินในส่วนนี้ไปชดเชยให้กับกลุ่มที่มีความจำเป็น
ด้านน้ำมันเบนซิน
มาตรการช่วยเหลือจะสนับสนุนส่วนลดค่าน้ำมันแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ (รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง) ที่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ และบัตรประจำตัวผู้ขับรถสาธารณะ จำนวน 5 บาทต่อลิตร ปริมาณไม่เกิน 50 ลิตรต่อเดือนต่อคน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นเดือน พ.ค.นี้
ด้านก๊าซหุงต้ม
เดือน เม.ย.นี้ ปรับขึ้นราคาขายปลีก 1 บาทต่อกิโลกรัม หรือปรับจากราคา 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เป็น 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ส่วนในเดือน พ.ค.-มิ.ย.จะปรับขึ้นเป็น 348 บาท และ 363 บาท ตามลำดับ คาดว่าตลอด 3 เดือน แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นราคาขายปลีกแล้ว กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคาดว่าจะยังคงใช้เงินชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม อยู่รวมประมาณ 6,380 ล้านบาท
แต่เมื่อมีการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มในวันที่ 1 เม.ย.นี้แล้ว รัฐบาลได้กำหนดมาตรการดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วไป จะได้รับส่วนลดสำหรับซื้อก๊าซ LPG เพิ่มเติมอีก 55 บาท รวมเป็น 100 บาท ต่อ 3 เดือน เบื้องต้นจะใช้แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
และในส่วนของกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วไป ที่เป็นผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะให้ส่วนลดสำหรับซื้อก๊าซ LPG ไม่เกิน 100 บาทต่อรายต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ด้านก๊าซ NGV
การดูแลราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) โดยตรึงราคาขายปลีก NGV เท่ากับ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และสนับสนุนราคาก๊าซ NGV สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) ที่ลงทะเบียนภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน จำนวน 17,460 คน สามารถซื้อก๊าซ NGV ในอัตรา 13.62 บาทต่อกิโลกรัม วงเงินไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน
ด้านราคาค่าไฟฟ้า
ในรอบเดือน ม.ค.- เม.ย.2565 มีการปรับค่า Ft เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิมที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วยในปี 2564 ปรับเป็น 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2565 จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 24.77 สตางค์ต่อหน่วย แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ซึ่งคิดเป็นผู้ใช้ไฟฟ้ากว่า 20 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 85 ของครัวเรือน จะมีการให้ส่วนลดโดยคงค่า Ft ไว้ที่ 1.39 บาทต่อหน่วยในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่า Ft ที่จะปรับขึ้นเป็น 24.77 สตางค์ต่อหน่วยในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ หากไม่ได้มีการบริหารจัดการใดๆ ค่า Ft จะปรับเพิ่มขึ้นถึง 129.91 สตางค์ต่อหน่วย แต่ในส่วนนี้ กฟผ.ช่วยรับภาระค่า Ft ไปแล้วกว่า 40,000 ล้านบาท
อ่านข่าวอื่นๆ
นายกฯ ออก 10 มาตรการ แก้วิกฤตซ้อนวิกฤต เริ่ม พ.ค.นี้
เตรียมทำใจ! เดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ อะไรแพงขึ้นบ้าง?
กฟผ.เปิดลงทะเบียน "ล้างแอร์ฟรี-ส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5" เม.ย.นี้