ปารีณา ไกรคุปต์ เป็น ส.ส.คนแรก ที่ถูกศาลฎีกาวินิจฉัยผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีถือครองที่ดินของรัฐที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ต้องพ้นจากส.ส.ตั้งแต่ศาลรับคดีนี้ไว้พิจารณา ตั้งแต่ 25 มีนาคม 2564 และยังตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ไม่อาจลงสมัครเล่นการเมืองในทุกระดับได้ นอกจากนี้ ยังโดนตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง อีก 10 ปี
ถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ สำหรับการผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีบุกรุกถือครองที่ดินโดยมิชอบ ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่นักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น มักจะมีครอบครองสม่ำเสมอ
จนแทบกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา สำหรับนักการเมือง หรือข้าราชการระดับ “บิ๊ก” ที่มักจะมีที่ดินถือครอง สะท้อนถึงฐานะและบารมี
ปารีณายังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ด้วย หลังจากกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มีความเห็นสั่งฟ้อง 4 คดี ทั้งผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ และครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
ปารีณายังเพิ่งจะโดนป.ป.ช.ชี้มูลแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ กรณีระบุถือครองพระเครื่องเป็นสมเด็จวัดระฆัง และพระนางพญา รวมทั้งแสดงสัญญากู้ยืมเงิน 7.8 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการกู้ยิมเงินจริง
ถือเป็นช่วงเคราะห์ซ้ำกรรมซัด สำหรับอดีตส.ส.4 สมัย จ.ราชบุรี ซึ่งลงเล่นการเมืองโดยสมัคร ส.ส.และได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ปี 2548 สังกัดพรรคไทยรักไทย จากนั้นได้เป็น ส.ส.มาตลอด กระทั่งเลือกตั้ง 2562 ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
เป็นคนแรกที่เคลื่อนไหวให้มีการตรวจสอบการถือครองที่ดินใน จ.ราชบุรี กว่า 2 พันไร่ ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อนจะ “โดนเอาคืน” ถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. อันเป็นที่ตั้งของฟาร์มปศุสัตว์ โดยเฉพาะฟาร์มไก่ “เขาสนฟาร์ม”
คำสั่งของศาลฎีกาครั้งนี้ เท่ากับเส้นทางทางการเมืองของเธอพลันดับวูบลงทันที แต่จะมีผลต่อการถือครองที่ดินของ ส.ส.อีกเกือบ 20 คน ที่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช.
กรณีได้เป็น ส.ส.ในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ซึ่งนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องร้องไปยัง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ ทั้งในกรณีถือครองที่ดิน ส.ปก.และแสดงใบ ภบท.5 สำหรับการใช้ประโยชน์ที่ดิน ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติจะได้รับ เนื่องจากไม่เข้าข่ายคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร ไร้ที่ทำกิน มีฐานะยากจน แต่กลับแจ้งครอบครองที่ดินต่อ ป.ป.ช.
ส.ส.ที่ถูก ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนเหล่านี้ มีครบจากทุกพรรคการเมืองใหญ่ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์
หากยึดบรรทัดฐานเดียวกับปารีณา จะถือเป็นความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.บ.มาตรฐานจริยธรรม พ.ศ.2562
จะเข้าข่ายโดนประหารชีวิตทางการเมือง เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกับปารีณาหลายคน