วันนี้ (31 พ.ค.2565) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำทีมชุดนักประดาน้ำและโดรนสำรวจใต้น้ำ เพื่อค้นหาพยานหลักฐานที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกาย น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
การตรวจสอบหาพยานหลักฐานจะตรวจใน 3 จุดหลัก คือ บริเวณหน้าวัดค้างคาว และเลยหน้าวัดออกไป รวมทั้งบริเวณท่าจอดเรือบรรจุทราย ซึ่งจากพยานหลักฐานที่ได้มาจากการตรวจสอบพิกัดทางดาวเทียมพบว่าจุดที่จะตรวจต้องสงสัยว่ามีการทิ้งหลักฐานที่เป็นมีดหรือที่เปิดขวดไวน์
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า บาดแผลที่ขาขวาของแตงโมไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือตามที่นิติเวชฯได้ชันสูตรไว้ และแตงโมถูกทำร้ายบนบก ก่อนที่จะเสียชีวิตในน้ำหรือเสียชีวิตอย่างทรมาน โดยวันนี้จะค้นหาหลักฐานประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง ตามจุดดังกล่าว หากพบก็จะส่งไปชันสูตรว่ามีคราบเลือดของแตงโมอยู่หรือไม่
เตรียมรวมรวมพยานหลักฐานให้แม่แตงโมฟ้องคดีเอง
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า อุปกรณ์ที่เป็นโดรนสำรวจใต้น้ำ ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นนี้ ระบุว่า สามารถดำน้ำได้ลึกประมาณ 100 เมตร มีกล้องความละเอียด 4K บันทึกภาพและวิดีโอได้ 30 เฟรมต่อวินาที สแกนหาวัตถุที่อยู่ใต้ดินโคลนได้ลึกประมาณ 1 ฟุต โดยเครื่องจะส่งภาพมาดูได้ในระบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ สามารถตรวจหาวัตถุที่ตกอยู่มานานได้หากว่ามีการทิ้งไว้จริง เพราะที่ผ่านมาก็เคยค้นหาเหรียญเก่าในแม่น้ำเจ้าพระยาอายุกว่า 100 ปีมาแล้ว
สำหรับเรื่องคดีความ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เตรียมรวมรวมพยานหลักฐานให้ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ฟ้องคดีเองก่อนวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันที่อัยการจังหวัดนนทบุรี นัดฟังคำสั่งคดีหลังจากที่เลื่อนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ยันมีหลักฐาน บ่งชี้ฆาตกรรม
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า มีพยานหลักฐานที่สามารถดำเนินคดีในความผิดฐานฆาตกรรมได้ และผลการตรวจเสื้อผ้าของบุคคลบนเรือสปีดโบ๊ต 1 ใน 5 คน มีคราบเลือดของแตงโมอยู่ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าตำรวจได้ส่งหลักฐานนี้ไปในสำนวนหรือไม่ พร้อมยืนยันว่า พรุ่งนี้ (1 มิ.ย.) จะไม่ไปยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษแล้ว เพราะเชื่อว่าดีเอสไอจะไม่รับเป็นคดีพิเศษ
หลักฐานที่ได้มาไม่มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ และไม่ได้ใช้ภาพของบังแจ๊คที่นำโทรศัพท์ของแตงโมไปตรวจสอบ แต่หากส่งมือถือกลับมาก็จะนำมาตรวจสอบก่อน แต่ภาพหรือหลักฐานอื่นๆ ที่ทางชมรมหามาได้นั้นมีมากกว่าบังแจ๊ค
ส่วนกรณีที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ วิจารณ์การทำงานในคดีนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เป็นการพูดในลักษณะข่มขู่อดีตลูกความ และไม่มีจรรยาบรรณของการเป็นทนายความ ขอให้หยุดการเคลื่อนไหวได้แล้ว เพราะแม่แตงโมรู้สึกไม่สบายใจ ที่นายมงคลกิตติ์ได้พูดไปทางโทรศัพท์ไม่ใช่เป็นการข่มขู่แต่โมโหที่นายเดชาเขามาวิจารณ์การทำงานอีก หลังจากที่ถอนตัวออกเป็นทนายแล้ว
ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า การค้นหาพยานหลักฐานนี้ถือว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเพื่อมาตรวจสอบหาพยานหลักฐาน และเชื่อว่าจะพบวัตถุพยานนำมาตรวจสอบ
ส่วนการที่ นางภนิดา แม่แตงโมไม่ไปยื่นให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว เนื่องจากคาดว่าดีเอสไอจะไม่รับไว้สอบสวน ทำให้ต้องมาหาหลักฐานมาดำเนินคดีด้วยตัวเอง และหากดีเอสไอไม่รับเป็นคดีพิเศษก็จะแสดงให้เห็นว่าจำเป็นต้องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
เตรียมยื่นให้สอบมรรยาททนายความ วิจารณ์คดี
ส่วนนายกฤษณะ ศรีพิมพ์สวย อดีตทนายความของแม่แตงโม จะไปยื่นให้สอบมรรยาททนายความ ที่สภาทนายความ กับทนายความที่ออกมาวิจารณ์การทำงานของพรรคไทยศรีวิไลย์ ว่า เป็นคณะตลก เป็น ส.ส.ปัดเศษ รวมทั้งสมาชิกพรรคที่อยู่ในต่างจังหวัดก็จะไปแจ้งความด้วยเช่นกัน เนื่องจากรับไม่ได้ที่มีทนายความมาวิจารณ์ ทำให้พรรคเสียหายและจะได้เจอการต่อสู้แบบวิถีการเมือง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ข่มขู่ ส่วนคนที่อยู่บนเรือทั้ง 5 คน ขณะนี้ทราบว่ามาไม่มีใครดูแลแล้ว แต่ละคนต้องดูแลกันเอง