รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2565 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ไม่รับการขอทุเลาชั่วคราวของนายณภัทร วินิจฉัยกุล ที่ยื่นศาลปกครองกลาง ฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ระบุว่า ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ลงวันที่ 4 ธ.ค.2560 (“ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจฯ”) ไม่ชอบด้วยกฎหมายและได้ยื่นคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับหรือหยุดใช้ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจฯ โดยเร่งด่วน
ทั้งนี้ ศาลฯ พิจารณาว่า การกล่าวอ้างของนายณภัทรไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และไม่ได้เกิดความเสียหายอย่างที่กล่าวอ้าง
ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งยกคำร้องของนายณภัทร โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า ประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ลงวันที่ 4 ธ.ค. 2560 ชอบด้วยกฎหมาย และจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทรูและดีแทคยังอยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนให้เกิดเป็นนิติบุคคลใหม่ ซึ่งมีผลเป็นการรวมธุรกิจ ดังนั้นจึงไม่มีความเสียหายร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขในภายหลัง ตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การให้ทุเลาการบังคับหรือหยุดใช้ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจฯ อาจเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของ กสทช. ด้วยเช่นกัน ซึ่งคำสั่งของศาลปกครองที่ยกคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเป็นที่สุดและไม่สามารถอุทธรณ์
ทั้งนี้ กสทช. ได้ดำเนินการตามโรดแมปที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ คาดว่าจะระบุผลการพิจารณาในกรณีมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เพื่อแจ้งให้ทรูและดีแทคทราบ ซึ่งยังคงเป็นไปตามประกาศปี 2561 โดยยังคงเป็นไปตามแผนการดำเนินการที่ประกาศไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. หรือซูเปอร์บอร์ด กสทช. ชี้แจงว่า กรณีที่นายณภัทรได้ยื่นหนังสือถึง กสทช. กรณีควบรวมทรู-ดีแทคเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวซูเปอร์บอร์ด โดยนายณภัทรเป็นหนึ่งในซูเปอร์บอร์ด กสทช. รับผิดชอบเฉพาะกิจการกระจายเสียง และไม่เคยนำเรื่องควบรวมดังกล่าวมาหารือที่ประชุม
อ่านข่าวอื่นๆ
คลังปัดฝุ่นเก็บ "ภาษีลาภลอย" ขายอสังหาฯ อานิสงส์โครงการรัฐ
รับมือค่าไฟ กกพ.คาดขึ้นค่า Ft งวดสิ้นปีมากกว่า 40 สตางค์