ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับพรรคการเมืองขนาดเล็ก เรื่องการไปต่อและต้องสู้ศึกเลือกตั้ง ตามกติกาใหม่ ซึ่งไม่เอื้อต่อพรรคเล็ก โดยเฉพาะเรื่องหารด้วย 100 สำหรับสูตรคิดหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้จะยังไม่สะเด็ดน้ำ ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดอยู่ขณะนี้ แต่โอกาสเปลี่ยนเป็นหาร 500 ยากมาก
หลายพรรคเล็กจึงต้องไปขออยู่กับพรรคการเมืองใหญ่ แต่โอกาสจะได้กลับมาเป็น ส.ส.ในสภาอีกหรือไม่ ต้องลุ้นหนัก ยิ่งในกรณีขอลงบัญชีรายชื่อยิ่งลำบาก เพราะจะถูกเบียดไปอยู่ลำดับหลังๆ เนื่องจากคนเดิมในพรรคใหญ่ก็อัดแน่นจนคนจะล้นอยู่แล้ว
การเจรจาหาทางร่วมมือที่พูดถึงกัน ทำได้ยากในทางปฏิบัติ ต่างพรรคต่างต้องสู้ในสนามเลือกตั้ง ชิงส.ส.เขตก็เสียเปรียบพรรคใหญ่ ส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะเอาคะแนนที่ไหนจึงจะได้ 3.5 แสนคน แนวทางการร่วมมือจึงหนีไม่พ้นการย้ายบ้านไปอยู่ด้วย หรือเทพรรคเดิมไปอยู่พรรคใหม่ เพราะจะยุบพรรคก็มีข้อห้ามทางกฎหมายค้ำคออยู่
กรณีของพรรคชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับนายกรณ์ จาติกวณิย์ จากพรรคกล้า เป็นตัวอย่างที่สะท้อนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเดิมทีการเจรจา
พรรคชาติพัฒนาต้องการขยายฐานพรรคออกนอกพื้นที่จำกัดของตัวเอง คือนครราชสีมา ขณะที่นายกรณ์ และพรรคกล้า ก็พยายามเจรจากับหลายพรรคการเมือง ก่อนมาจบที่พรรคชาติพัฒนา
เพราะรู้ข้อจำกัดและโอกาสดี เนื่องจากกระแสนิยมในช่วงหลังๆ แผ่วลงไปมาก ยิ่งในกรุงเทพฯ โอกาสจะเบียดแทรกค่อนข้างยาก ขนาดเลขาธิการพรรค นายอรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี ลงชิงในเขตเดิมที่ตัวเองเคยเป็น ส.ส.ยังแพ้เลือกตั้ง
นายสุวัจน์หวังจะดึงภาพพจน์การเป็นมือบริหารเศรษฐกิจ ในช่วงวิกฤติของนายกรณ์มาเสริมจุดขาย ถึงขั้นมีข้อตกลงจะให้นายกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาด้วยซ้ำ โดยจะลดบทบาท นายเทวัญ ลิปพัลลภ น้องชายไปเป็นเลขาธิการพรรค ชูนโยบายมืออาชีพแก้วิกฤติเศรษฐกิจ
ซึ่งเคยได้ผลเมื่อครั้ง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ชูแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ สานต่ออีสเทิร์นซีบอร์ด พัฒนาถนนในอีสานครั้งใหญ่ เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า จนชนะเลือกตั้งปี 31
หากเป็นสูตรผสมนี้ พรรคชาติพัฒนาจะมีจุดขายเพิ่มในนครราชสีมาซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญสุดท้ายของพรรค ขณะที่นายกรณ์ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็มีโอกาสจะดึงคะแนนนิยมจากคนกรุงเทพฯและคนชั้นกลางส่วนหนึ่งได้
แต่ถึงเวลาจริง นายเทวัญยังนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคต่อไป นายกรณ์ได้เป็นเพียงกรรมการบริหารพรรค ซึ่งในทางการเมืองแทบไม่มีความหมายอะไร จะเอาตำแหน่งนี้ไปขายให้คนกรุงเทพฯ เลือกคงยาก เท่ากับการเจรจาคงมีอะไรสะดุด อาจรวมถึงเรื่องยุทธปัจจัย
ที่เปลี่ยนแปลงจริง ๆ จึงมีแค่เปลี่ยนชื่อจากพรรคชาติพัฒนา เป็นพรรคชาติพัฒนากล้า เท่านั้น ซึ่งแทบจะไม่มีความหมายใด ๆ ในสนามเลือกตั้ง
ประจักษ์ มะวงศ์สา รายงาน