เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2565 เกิดเหตุขีปนาวุธ 2 ลูก ตกใส่โรงงานอบธัญพืชในเมืองทางตะวันออกของโปแลนด์ ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนยูเครนประมาณ 6 กิโลเมตร ทำให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นสู่ฟ้า
เหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน โดยชาวบ้านในบริเวณที่เกิดเหตุต่าง ระบุว่า รู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังกลัวว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก
ด้านผู้นำโปแลนด์ ระบุว่า ขีปนาวุธที่ตกในพรมแดนนั้นถูกยิงโดยกองกำลังยูเครน เพื่อปกป้องประเทศของตนเองจากการุกรานของรัสเซีย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่เจตนาแต่อย่างใด
ขีปนาวุธดังกล่าวเป็นขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบ S-300 ในยุคโซเวียต ซึ่งยูเครนได้ใช้ขีปนาวุธดังกล่าวเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ โดยรัสเซียและยูเครนต่างใช้ยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยรัสเซียในระหว่างความขัดแย้งนี้
เช่นเดียวกับ เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ระบุว่า จากการวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเกิดจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ที่ยิงเพื่อป้องกันดินแดนของตนเองจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย และนี่ไม่ใช่ความผิดของยูเครน แต่รัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบจากการก่อสงครามอย่างไม่ถูกต้องในยูเครน พร้อมระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณใด ๆ ว่ารัสเซียกำลังวางแผนที่จะโจมตีกลุ่มประเทศสมาชิกนาโตแต่อย่างใด
ขณะที่ก่อนหน้านี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า ไม่เชื่อว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงโดยกองกำลังของยูเครนและเรียกร้องให้ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนมีส่วนร่วมในการสืบสวนต่อเหตุที่เกิดขึ้น
ด้านโฆษกกองทัพอากาศยูเครน ระบุว่า ทางกองทัพจะทำทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกในการสืบสวนเหตุครั้งนี้ของโปแลนด์
ขณะที่กลาโหมรัสเซีย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโปแลนด์นั้น เกิดจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน และการโจมตีของรัสเซียในยูเครนอยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์ไปประมาณ 35 กิโลเมตร
ส่วนโฆษกรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และผู้นำระดับสูงหลายประเทศต่างแถลงการณ์โดยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ