วันนี้ (6 ม.ค.2566) น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เตรียมสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันที่ 9 ม.ค.นี้หลังตัดสินใจเข้าสนามการเมืองแบบประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว
พร้อมเห็นว่า ไม่ว่าใครที่อาสามาทำงานเพื่อประเทศ และประชาชน ถือเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้พิจารณาให้ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาประเทศ แต่ยังกังวลปัญหาธนกิจการเมือง ที่จะมีการใช้เงินมาชี้นำการเลือกตั้ง จึงขอให้ประชาชน ช่วยกันต่อต้านปัญหาดังกล่าว ที่จะมาทำลายประชาธิปไตยของประเทศ
ส่วนการประเมินคู่แข่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองต่าง ๆ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น น.ส.วทันยา เห็นว่า ตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมือง
แม้จะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เนื่องจากการทำงานของพรรคฯ มีองค์ประกอบหลายส่วนทั้งกรรมการบริหารพรรคฯ สมาชิกพรรคฯ และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รวมถึงจุดยืนอุดมการณ์ พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวแล้วยังคงมีความเชื่อมั่นใจพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครของพรรคทุกคน
น.ส.วทันยา ยังได้กล่าวถึงกระแสตอบรับในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายหลังมาร่วมทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า แม้ว่าในการเลือกตั้ง 2562 ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ จะยังไม่ประสบความสำเร็จในพื้นที่ กทม.
แต่เมื่อลงพื้นที่พบปะกับประชาชนตามชุมชนแล้ว พบว่าประชาชนยังพร้อมให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคที่สะท้อนความเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชนมา 76 ปี
เชื่อว่า นอกจากจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา จะสามารถครองใจประชาชนคนกรุงเทพฯ ได้แล้ว ที่ผ่านมาพรรคก็มีการนำเสนอนโยบาย ที่สะท้อนจากจุดยืนของพรรค
น.ส.วทันยา ยังเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถครองใจประชาชนได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกลั่นกรอง เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ภายใต้ยุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" ที่เป็นยุทธศาสตร์นโยบายหลัก
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ น.ส.วทันยา พร้อมด้วยนายวัชระ เพชรทอง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหนองแขม-ทวีวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ลงพื้นที่ศูนย์เด็กเล็กสิริสมบัติ เขตหนองแขม เพื่อติดตามโมเดลการป้องกันเยาวชนจากเหตุอันตราย หลังเกิดเหตุที่ศูนย์เด็กเล็กจังหวัดหนองบัวลำภู
ศูนย์เด็กเล็กดังกล่าวได้ติดสัญญาณเตือนภัย และมีปุ่มแจ้งเตือนเหตุภายในโรงเรียนหลายจุด และสอนให้นักเรียน รู้วิธีการปฏิบัติตน เมื่อสัญญาณเตือนภัยดัง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นป้องกันเหตุ แม้จะป้องกันไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี จึงเรียกร้องไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันบูรณาการป้องกันปัญหานี้ต่อไป เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความปลอดภัย