ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หาคำตอบ "สายชาร์จโทรศัพท์" ขโมยข้อมูล-ดูดเงินได้หรือไม่

อาชญากรรม
15 ม.ค. 66
19:03
9,662
Logo Thai PBS
หาคำตอบ "สายชาร์จโทรศัพท์" ขโมยข้อมูล-ดูดเงินได้หรือไม่
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สื่อสังคมออนไลน์ตั้งคำถามสายชาร์จสามารถดูดข้อมูลจากโทรศัพท์ได้หรือไม่ หลังมีผู้เสียหายคนหนึ่ง อ้างว่าขณะเสียบชาร์จแบตโทรศัพท์แล้วหน้าจอดับ เมื่อเปิดเครื่องพบเงินหายจากบัญชี 1 แสนบาท ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ระบุสายชาร์จดูดข้อมูล ยังไม่เคยเกิดขึ้นในไทย

วันนี้ (15 ม.ค.2566) มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ว่า ตัวเองใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์รุ่นหนึ่ง ขณะเสียบสายชาร์จที่บ้านตามปกติ จู่ ๆ เครื่องก็มีอาการหน่วง ๆ จากนั้นหน้าจอก็ดับไป จึงชาร์จทิ้งไว้สักพัก เมื่อเปิดเครื่องก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ไม่มีการแจ้งเตือนเงินถูกถอนออกจากบัญชีจากแอปพลิเคชันธนาคาร แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบในแอปพลิเคชัน ปรากฏว่ายอดเงินในบัญชีหายไปประมาณ 1 แสนบาท

จากนั้นตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีลิงก์ ข้อความแปลก ๆ หรือมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามา รวมถึงไม่ได้เข้าใช้งานเว็บไซต์ต่าง ๆ เพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องสำรองที่ใช้เล่นเกมเท่านั้น จึงเกิดคำถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้เขาได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับทางธนาคาร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นบัญชีของใคร ก่อนจะส่งข้อมูลให้กับตำรวจในการติดตามบัญชีปลายทาง ซึ่งต้องใช้เวลา 15 วัน

ทีมข่าวไทยพีบีเอสพยายามติดต่อไปยังผู้โพสต์ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ จึงยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเงินที่หายออกไปจากบัญชี มีข้อเท็จจริงอย่างไร ซึ่งผู้โพสต์เองก็ไม่ได้ยืนยันว่า เงินหายไป สาเหตุเกิดจากการชาร์จโทรศัพท์

เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นถกเถียงในสื่อสังคมออนไลน์ มีการตั้งคำถามว่าหากไม่ได้ดาวน์โหลด กดลิงก์ แล้วเงินจะหายไปได้อย่างไร และเป็นไปได้หรือไม่ว่ากรณีดังกล่าวเกิดจากสายชาร์จแบต เพราะในต่างประเทศเคยมีข่าวว่ามิจฉาชีพ ใช้ยูเอสบี ดูดข้อมูลและโจรกรรมเงินจากผู้เสียหายไป

เพจ Drama-addict โพสต์ข้อมูลว่าผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของต่างประเทศ เคยสาธิตสายชาร์จแบบไทป์ซีและแบบยูเอสบีธรรมดา อ้างว่าในต่างประเทศมีมิจฉาชีพใส่ตัวดักจับข้อมูลในสายชาร์จ หากเรานำไปเสียบเข้ากับโทรศัพท์และกรอกรหัสผ่านเครื่องเวลาเล่น ข้อมูลในเครื่องทั้งหมดจะถูกส่งไปให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ ที่สำคัญเจอทั้งในสายชาร์จแอนดรอยด์และไอโฟน

อาจารย์ปริญญา หอมเอนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า กรณีสายชาร์จดูดข้อมูล ยังไม่เคยเกิดขึ้นในไทยและเป็นไปได้ยาก ซึ่งที่ผ่านมากรณีนี้มักจะพบในต่างประเทศ ที่มิจฉาชีพโมดิฟายสายชาร์จแบต นำไปติดตั้งตามที่ชาร์จสาธารณะ หรือเต้าเสียบตามสนามบิน ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก โดยมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่า ส่วนใหญ่ยังมาจากไวรัสหรือลิงก์ที่ถูกทำขึ้น โดยเราอาจจะไปโดนโดยไม่รู้ตัว แม้แต่โฆษณาแฝงเวลาเล่นโซเชียลก็ตาม

ผมการันตีเลยว่า 99.99 % คือเครื่องแอนดรอยด์ทั้งนั้นเลย ที่เผลอไปกดลิงก์หรือดาวน์โหลดอะไร แค่โหลดแอปพลิเคชัน ก็มีโอกาสโดนแล้ว เครื่องแอนดรอยด์มีความเสี่ยงนี้อยู่ จะมีจุดอยู่จุดหนึ่งที่ให้อนุญาตให้โหลดแอปฯ จากนอกเพลย์สโตร์ ถ้าเราปิดจุดนี้ เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องย้ำเตือนคือสายชาร์จแบต ควรใช้ของส่วนตัว และหากไปใช้บริการที่ชาร์จสาธารณะ ควรเป็นจุดชาร์จที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย หากเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ของเราจะสามารถตรวจสอบได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง