จากกรณีที่ ป.ป.ป. และ ป.ป.ท.เข้าควบคุมตัว นายประมวล อายุ 57 ปี หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี ได้ในโรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากนัดกับผู้เสียหายเพื่อจ่ายเงินจำนวน 3.2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ต้องจ่ายภาษีย้อนหลัง ราคาสูงถึง 40 ล้านบาท
จากพยานหลักฐานดังกล่าว ทำให้ ป.ป.ป. และ ป.ป.ท.เชื่อว่า ผู้ต้องหาอาจไม่ได้ทำคนเดียว เพราะไปพบสมุดบันทึกที่คล้ายกับการจดรายละเอียดว่าจ่ายเงินให้กับใครบ้าง
ในนั้นมีรายชื่อของบุคคลอื่นมากถึง 8 คน โดยพบว่ามีการจ่ายขั้นต่ำหลักแสนบาท ที่สำคัญจากการตรวจสอบการทำงานย้อนหลังพบว่า เคยทำงานที่สำนักงานเขตพญาไท ในตำแหน่งเดียวกันอีกด้วย ทำให้ ปปง.ขอหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านและทรัพย์สิน ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี
รวมไปถึงขยายผลเชื่อมโยงเส้นทางการเงินว่าจำนวนเงินดังกล่าว ที่ถูกจดไว้ในสมุดบันทึก โอนไปให้บุคคลใดบ้าง รวมถึงตรวจสอบว่าเป็นบุคคลในสำนักงานเขตราชเทวี หรือ ข้าราชการระดับสูง ใน กทม.หรือไม่
หลังสอบปากคำผู้ต้องหาปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 400,000 บาท เพื่อยื่นขอประกันตัวไปและพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัว
ขณะที่ กทม.หน่วยงานต้นสังกัด ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่น และวันศุกร์นี้ (7 เม.ย.2566) จะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ล่าสุดจากการขยายผลตรวจค้นของตำรวจที่นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักหรูมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ของหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวีที่ถูกดำเนินคดี พบเงิน 6.9 ล้านบาท ภายในรถยนต์ของภรรยาด้วย
ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า มีการเบิกถอนออกมาหลังจากดำเนินการเข้าจับเพียง 2 ชม.เท่านั้น รวมถึงยังพบพระเครื่องอีกจำนวนหนึ่ง ที่ไม่สามารถประเมินราคาได้
นอกจากนี้พบว่า มีรถของสำนักงานเขตราชเทวีจอดไว้หน้าบ้านภายในรถพบเอกสารการหลีกเลี่ยงภาษีโรงเรือนและที่ดินจำนวนมาก