วันนี้ (8 เม.ย.2566) นายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย รายงานว่า วานนี้ (7 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.20 น. คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันออกลาดตระเวนเพื่อดับไฟป่าและการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ได้ตรวจพบชาย 2 คน (ตรวจสอบแล้วเป็นบุคคลไม่มีสัญชาติ) กำลังเก็บริบสุมไฟเผาไม้และวัชพืช บริเวณป่าบ้านกึ๊ดสามสิบ หมู่ 6 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า และเจ้าหน้าที่ตรวจบริเวณดังกล่าวพบเป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ มีการโค่นไม้ใหญ่และเก็บริบสุมเผาไม้และตอไม้
ตรวจพบอุปกรณ์การกระทำผิด ประกอบด้วยเลื่อยตัด 1 ปื้น, ไฟแช็ก 1 อัน, มีด 3 เล่ม, จอบ 3 เล่ม, ขวานเล็ก 1 เล่ม และไม้แดงที่ถูกตัดโค่น 1 ต้น ขนาดความโต 250 ซม. ยาว 400 ซม. จำนวน 1 ท่อนปริมาตร 1.99 ลบ.ม.
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในโครงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในเขตป่าอนุรักษ์ จึงลงความเห็นว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ใหม่จำนวน 13-1-84 ไร่ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 55 ฐานร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดินก่อสร้างแผ้วถาง เผาป่า หรือทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 ฐานร่วมกันทำไม้โดยไม่รับอนุญาต มาตรา 54 ฐานร่วมกันบุกรุกแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 69 ฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปางมะผ้า พร้อมบันทึกจับกุม และแจ้งสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทราบ
สำหรับการจุดไฟเผาป่าในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์จะมีโทษตั้งแต่การตักเตือน จนถึงขั้นดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งบุคคลใดที่เผาป่าในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562