วันนี้ (18 เม.ย.2566) จ.เชียงใหม่ แม้ว่าเช้าวันนี้คุณภาพอากาศจะดีขึ้นบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับเกินมาตรฐานทั้งในเขตเมืองและพื้นที่รอบนอก และยังพบจุดความร้อน 209 จุด ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติ เจ้าหน้าที่และจิตอาสายังระดมกำลังดับไฟป่าอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับที่ จ.เชียงราย มีไฟป่าบนดอยเขาแหลม แนวเขาแม่สะลอง อ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งกองกำลังผาเมืองจัดกำลังร่วมกับหน่วยควบคุมไฟป่า พร้อมเร่งทำแนวกันไฟ เบื้องต้นดับได้ 3 จุด แต่ที่ดอยจระเข้ อ.แม่จัน ยังคุมไฟไม่ได้
ที่ จ.ลำปาง คุมไฟป่าดอยพระบาทได้แล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นี่เป็นสถานการณ์ที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งถ้าดูจากแผนที่จุดความร้อนจากดาวเทียมซูโอมิที่ GISDA รายงาน จะพบว่าเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) จุดความร้อนกระจายในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศเป็นส่วนใหญ่ จุดความร้อนของไทย 1,274 จุด ส่วนใหญ่เกิดในป่าอนุรักษ์ 539 จุด และป่าสวงนแห่งชาติอีก 479 จุด
แต่ในพื้นที่เมียนมา ยังมีจุดความร้อนมากอยู่ที่เกือบ 4,500 จุด ลาวลดลงมาเหลือราว 1,600 จุด แต่ก็เป็นส่วนเสริมให้สถานการณ์ฝุ่นควันในไทย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือยังคงสะสมตัวในระดับสีส้ม-สีแดง ประกอบกับการระบายอากาศยังไม่ดี
ทำให้ภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ยังมีการสะสมของฝุ่นในระดับเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่พื้นที่อื่นๆ เริ่มลงมาอยู่ในระดับสีส้ม กันเป็นส่วนใหญ่ แต่แนวโน้มเริ่มดีขึ้น
โดยทางศูนย์แก้ปัญหามลพิษ รายงานว่าตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. ลมชั้นบนจะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้การระบายฝุ่นภาคเหนือดีขึ้นด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อดูแผนที่ทั้งประเทศ จะเห็นว่าภาคกลาง กรุงเทพ ปริมณฑล ต่างก็มีการสะสมของฝุ่นมากในระดับสีส้ม-สีเหลือง เช่นกัน และพื้นที่ภาคใต้ที่ก่อนหน้านี้เป็นสีฟ้ามาตลอด แต่ระยะ 1-2 วันที่ผ่านมา มีฟ้าหลัว ฝุ่นควันเพิ่มขึ้น
มีคำอธิบายจากเพจรายงานสถานการณ์หมอกควันในภาคใต้ สถานีวิจัยมลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ ม.สงขลานครินทร์ ว่า นี่ไม่ใช่ฝุ่นควันจากอินโดนีเซียอย่างที่เคยเกิดขึ้น แต่เกิดจากลมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดเอาฝุ่นควันจากจุดความร้อนใน ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เข้าปกคลุมภาคใต้ กับลมตะวันตกเฉียงเหนือ ที่อาจพัดพากลุ่มควันในมหาสมุทรอินเดียเข้ามาด้วย และสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ไปอีก 2-3 วัน ราวๆ วันที่ 20 เม.ย. สถานการณ์จะดีขึ้น
ขอบคุณภาพ : เฟสบุ๊ก รายงานสถานการณ์หมอกควันในภาคใต้
ขอบคุณภาพ : เฟสบุ๊ก รายงานสถานการณ์หมอกควันในภาคใต้
ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นในปีนี้ น่าจะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนอีกครั้ง ว่าเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไขให้ได้ โดยเฉพาะผ่านกลไกแก้ฝุ่นควันข้ามชาติในอาเซียน ที่ก็มีอยู่แล้ว รวมทั้งการผลักดันร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อรับประกันคุณภาพอากาศที่ดีให้ประชาชน
อุตุฯ เตือน ระวังอันตรายจากอากาศร้อน
ปัญหาในปีนี้ อาจจะต้องพูดถึงภาพใหญ่เรื่องของการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความร้อนแล้งและฝุ่นควัน รัฐบาลอาจต้องจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็น 0 อย่างที่เคยสัญญากับประชาคมโลกไว้ แต่ในระดับประชาชน ตอนนี้ต้องรับมือกับความร้อนที่อบอ้าวขึ้นมาก
วันนี้มีคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าพื้นที่ภาคเหนือจะร้อนที่สุดได้ถึง 42 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะที่ จ.เพชรบูรณ์ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อนสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส
แต่ที่อันตรายกว่าอุณหภูมิ ที่กรมอุตุนิยมวิทยาต้องเตือน ก็คือดัชนีความร้อนซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เรารู้สึกในขณะนั้น ซึ่งอาจจะร้อนกว่าตัวเลขอุณหภูมิที่รายงานจริง หากสัมผัสความร้อนเป็นเวลานาน อาจมีอาการตะคริวที่น่อง ต้นขา หน้าท้อง หรือไหล่ ทำให้ปวดเกร็ง มีอาการเพลียแดด และ อาจเกิดภาวะลมแดด (Heat stroke) ได้
5 พื้นที่เฝ้าระวังดัชนีความร้อน
คำเตือนวันนี้มี 5 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง คือ
- ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ ที่คาดว่าอุณหภูมิสูงสุด 42 องศาเซลเซียส แต่ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน หรืออุณหภูมิที่เราจะรู้สึกคือ 49.5 ซึ่งอยู่ในระดับ "อันตราย"
- อีสานที่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 44.7 อยู่ในระดับ "เตือนภัย"
- ภาคกลาง บางนา กทม. ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 52.3 อยู่ในระดับ "อันตราย"
- ภาคตะวันออก สัตหีบ จ.ชลบุรี ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 48.9 อยู่ในระดับ "อันตราย"
- ภาคใต้ จ.ภูเก็ต ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 50.7 อยู่ในระดับ "อันตราย"
อ่านข่าวเพิ่ม :