การออกมากล่าวอ้างความสำเร็จของรัสเซียสะท้อนอะไรได้บ้าง?
ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่ารัสเซียรวมถึงกลุ่มทหารรับจ้าง "วากเนอร์" ที่ไปรบในบัคห์มุต ต้องการสร้างขวัญและกำลังใจ เพราะถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่รัสเซียไม่ได้สัมผัสมานานหลายเดือน แต่อีกฟากหนึ่งอาจมองได้ว่าเข้าทางยูเครนที่ต้องการปั่นหัวรัสเซียให้เสียทั้งกำลังเงินและกำลังพลก่อนเปิดการโจมตีโต้กลับเร็วๆ นี้
แม้สถานการณ์จะยังไม่ชัดเจน ว่าคำกล่าวอ้างของฝ่ายใดกันแน่ที่เป็นจริง
ไม่ว่ารัสเซียยึดครองบัคห์มุตได้แล้วจริง หรือยูเครนยังคงต่อสู้อย่างไม่ลดละ
แต่การออกมาอ้างชัยชนะของรัสเซียอาจส่งสัญญาณว่าสมรภูมิที่ผลาญชีวิตทหารไปมากที่สุดของสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจยุติลงแล้ว
สภาพของเมืองบัคห์มุตล่าสุดที่ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พังเสียหายย่อยยับมากไปกว่าเดิม ทั้งๆ ที่พังยับเยินอยู่ก่อนแล้วหลายเดือน ก่อนที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เยฟเกนี พริโกซิน ผู้ก่อตั้งกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ จะออกมาประกาศว่าสามารถยึดครองเมืองบัคห์มุตได้โดยสมบูรณ์แล้วและไม่มีทหารยูเครนเหลืออยู่ในพื้นที่ พร้อมทั้งประกาศส่งมอบการดูแลพื้นที่เมืองบัคห์มุตให้แก่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เพื่อส่งทหารรัสเซียเข้ามาผลัดเปลี่ยนและจะถอนกำลังออกจากพื้นที่ในวันที่ 25 พ.ค.นี้
บัคห์มุตสำคัญอย่างไร?
เหตุผลหนึ่งที่รัสเซียให้ความสำคัญกับเมืองนี้ นอกจากเป็นแนวรบแล้วยังเป็นเพราะบัคห์มุตตั้งอยู่ใกล้กับเมืองใหญ่ 2 เมือง คือ ครามาทอร์สค์ และ สโลเวียนสค์ ซึ่งถ้ารัสเซียยึดบัคห์มุตได้ ก็จะทำให้อีก 2 เมืองอยู่ในระยะโจมตีของอาวุธที่มีอยู่และน่าจะทำให้รุกคืบเข้ายึดครองได้โดยง่าย หลังจากรัสเซียหมายตา 2 เมืองนี้มานาน เพราะหากจะยึดครองดินแดนทางตะวันออกของยูเครนในภูมิภาคโดเนทสค์ให้ได้ทั้งหมด ตามที่อ้างว่าเป็นการปลดแอกสาธารณรัฐประชาชนโดเนทสค์แล้ว ก็จะต้องครอง 2 เมืองข้างเคียงบัคห์มุตเหล่านี้ให้ได้ด้วย
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน ก็ดูเหมือนจะตระหนักถึงปัจจัยนี้และเคยกล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคม ว่าการสั่งการให้ทหารยูเครนตั้งรับอย่างเต็มกำลังที่เมืองบัคห์มุตเป็นการตัดสินใจเชิงยุทธวิธี
แต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นแย้ง โดยมองว่าการยึดครองบัคห์มุตไม่ได้เป็นสะพานไปสู่การโจมตีเมืองอื่นๆ หรือช่วยเสริมการตั้งรับของรัสเซียแต่อย่างใด
ตรงกันข้าม รัสเซียเหมือนติดกับ เพราะลงเงินลงแรงมหาศาลไปกับการช่วงชิงบัคห์มุต ระหว่างที่ยูเครนอาศัยจังหวะนี้เตรียมการโจมตีโต้กลับครั้งใหญ่
แม้ว่าการต้องส่งทหารรัสเซียเข้ามาสับเปลี่ยนกำลังกับกลุ่มวากเนอร์ในบัคห์มุต อาจทำให้รัสเซียเพลี่ยงพล้ำได้ทั้งในเมืองนี้หรือพื้นที่แนวหน้าอื่นๆ แต่ดูเหมือนรัสเซียจะมองว่าชัยชนะในบัคห์มุตจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่กองกำลังรัสเซีย เพราะหากสามารถช่วงชิงมาได้ จะถือเป็นการเข้ายึดครองเมืองใหญ่ได้สำเร็จครั้งแรกในรอบเกือบปี ที่รัสเซียพลาดท่าให้ยูเครนชิงยึดเมืองต่างๆ คืนได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเมืองบัคห์มุตถูกรัสเซียโจมตีครั้งแรกตั้งแต่เมื่อกว่า 1 ปีก่อน ในวันที่ 17 พ.ค.2565 แต่เวลานั้นยังไม่ได้เปิดศึกเต็มรูปแบบ กระทั่งหลายเดือนต่อมาที่รัสเซียส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าปฏิบัติการ หลังจากบัคห์มุตกลายเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนแนวหน้าการสู้รบด้านตะวันออกของยูเครน
ก่อนหน้านี้หัวหน้ากลุ่มวากเนอร์เคยอ้างชัยชนะเหนือบัคห์มุตมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่การสู้รบยังดำเนินต่อไป ท่ามกลางความสนใจจากนานาชาติในฐานะที่เป็นสมรภูมิคร่าชีวิตทหารไปมากที่สุด
โจ ไบเดน กล่าวย้ำในเวทีการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ G7 เมื่อวานนี้อีกครั้งว่าทหารรัสเซียที่บาดเจ็บและเสียชีวิตในบัคห์มุตเมืองเดียว ประเมินว่ามีไม่ต่ำกว่า 100,000 นาย
ปธน.ยูเครนและ ปธน.สหรัฐฯ ในการประชุม G7
ปธน.ยูเครนและ ปธน.สหรัฐฯ ในการประชุม G7
ขณะที่ยูเครนใช้จังหวะนี้เรียกร้องขอรับการสนับสนุนจากนานาประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะอาวุธอานุภาพสูงต่างๆ ท่ามกลางการจับตามองการเปิดฉากโจมตีโต้กลับรัสเซียว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรกันแน่ เพราะดูเหมือนความพยายามบั่นทอนกองทัพรัสเซียด้วยสมรภูมิบัคห์มุตจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ยูเครนยังไม่เคยปริปากบอกว่าจะเปิดฉากโจมตีโต้กลับรัสเซียเมื่อใด แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ยูเครนอาจจะรอโอกาสโจมตีในจุดที่ทัพรัสเซียเปราะบางที่สุด ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าการสับเปลี่ยนกำลังในบัคห์มุตจะส่งผลอย่างไรต่อกองทัพรัสเซียบ้าง ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป
วิเคราะห์โดย : วินิจฐา จิตร์กรี
อ่านข่าวอื่นๆ :