มีพบ มีพราก มีจาก มีลา เป็นการประชุม ครม.นัดสุดท้ายของรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากนับเวลาเบ็ดเสร็จก็ 9 ปีเต็ม ชมรมคนรักลุงตู่ ก็อาจจะใจหาย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร โลกธรรมแปด ก็สอนมนุษย์ว่า เมื่อมีคนรักย่อมมีคนชัง เหมือนเหรียญซึ่งมีสองด้านเสมอ ว่าไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีคุณูปการต่อประเทศไม่น้อยไปกว่านายกฯ คนอื่นในอดีต
ส่งท้าย ครม. “ลุงตู่” สลัดใบด้วยรอยยิ้ม หลังเสร็จการประชุมฯ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้ถ่ายรูปร่วมกับ ครม.ที่มาประชุมนัดสุดท้าย และร่วมรับประทานอาหารกับทีม รมว.ที่ได้ไปต่อและไม่ได้ไปต่อ เช่น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค,สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ,อนุชา นาคาศัย,วราวุธ ศิลปอาชา, ธนกร วังบุญคงชนะ, จุติ ไกรฤกษ์ และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ขณะที่ “ตรีนุช เทียนทอง” และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นำพวงมาลัยมามอบให้ “ลุงตู่” เพื่อแสดงความขอบคุณทำงานร่วมกันมา
ด้านนายกฯ คนใหม่ “เศรษฐา ทวีสิน” ก็เร่งเครื่องเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวเมืองภูเก็ตต่อทันที จัดทริปเปิดตัว สส.ป้ายแดง “ปุ๋ง” สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล “ว่าที่ รมว.ท่องเที่ยวฯ ลูกสาวกำนันป้อ “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” ไปพบปะภาคเอกชนการท่องเที่ยว ภารกิจนี้ตอกย้ำความสำเร็จ หลังบ้านใหญ่โคราช ยอมย้ายพรรคจากภูมิใจไทยมาเพื่อไทยคว้า สส.มาได้ 12 เขต ได้มาเกือบ 5 แสนคะแนน อานิสงส์นี้ส่งผลให้ “ปุ๋ง สุดาวรรณ” และ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เข้าวินทั้งคู่
สำหรับโผ ครม.ยอดอ่อน ก็ต้องเร่งปุ๋ยให้น้ำอย่างเต็มที่ แม้นายกฯ คนที่ 30 จะบอกว่า “นิ่งแล้ว” โดยเฉพาะตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม แต่ยังไม่ขอตอบว่าเป็นพลเรือนหรือทหาร ส่วนเสียงสะท้อนของ สส.ที่ไม่พอใจการแบ่งกระทรวงเกษตรฯ นั้น เศรษฐา บอก อาจมีเซอร์ไพรส์ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ และจะพยายามเต็มที่ให้ทุกคนไม่ผิดหวัง
ครม.ชุดเก่ากำลังไป ผู้มาใหม่อยู่ในช่วงชื่นมื่น แต่มีอีกหลายคนที่ตัดใจจาก “เพื่อไทย” และ “พลังประชารัฐ” ประเดิมคนแรก “พนัส ทัศนียานนท์” อดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยไม่ได้ระบุเหตุผลการตัดสินใจ
ขณะที่ “เสธ.หยอย” พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาค 3 ก็ยื่นใบลาออกจาก สมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วเช่นกันเมื่อวานนี้ (28 ส.ค.) โดยระบุเหตุผลที่ลาออกว่า ต้องการไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่น
แม้ พล.ท.มนัส จะเป็นนักเรียนเตรียมทหาร 10 รุ่นเดียวกับ “ทักษิณ ชินวัตร” และเป็นนายทหารคนหนึ่งที่มีบทบาทต่อต้านเหตุการณ์รัฐประหาร ปี 2549 ร่วมต่อสู้ร่วมกับคนเสื้อแดงปี 2552-2553 และถูกฟ้องร้องคดีครอบครองอาวุธสงคราม ต่อมาศาลยกฟ้องเมื่อเดือนส.ค.2565 โดยหลังยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทย ในวันเดียวกัน “เสธหยอย” พล.ท. มนัส ได้เขียนใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลทันที
ต่างจาก “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานที่ปรึกษา พปชร. และสมาชิก พปชร. ที่ระบุว่า “ไม่อยากอยู่ขวางหู ขวางตาใคร” แม้จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ตาม ซึ่งข้อความในใบลาออก ระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับ พรรค พปชร.อีกต่อไป เพราะไม่ได้มีบทบาทใดในพรรค
ส่วน “สุทิน คลังแสง” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จู่ๆมีชื่ออยู่ในโผ ครม.เศรษฐา 1 นั่งเก้าอี้ รมว.แม้จะยังไม่ชินเมื่อถูกเรียก “บิ๊กทิน” และยังตกใจอยู่ แม้ยังไม่ชัวร์ และยังไม่รู้ว่าจะได้เป็นจริงหรือไม่ แต่หากได้เป็นจริงก็ไม่แปลก ที่พลเรือนมานั่งเป็น รมว.กลาโหม อาจจะถือเป็นมิติใหม่ของบ้านเมือง
กลับมาที่ค่ายสีฟ้า ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังวุ่นอยู่กับการลงพื้นที่ช่วยว่าที่ผู้สมัคร สส.ระยอง หาเสียง กลับมายังหนีไม่พ้นคำถาม พรรคการเมืองใดจะเป็นหัวหน้าฝ่ายค้าน
เมื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ปฏิเสธไม่รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา จะนั่งตำแหน่งรองประธานสภาฯ ต่อ
“...หากสมมติว่า ไม่รับ ก็เป็นเรื่องที่พรรคต่อไปต้องดำเนินการ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมี เพราะตำแหน่งฝ่ายค้านเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ซึ่งเข้าใจได้ ตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เพราะยังอยู่ในสถานภาพที่ยังไม่มีการตั้งรัฐบาล แต่คงไม่ตกมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเรามี 25 เสียง ต่างกันมากกับ 150 เสียง” นายชวน ระบุ
ยังต้องรอลุ้นว่าสุดท้ายเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้าน ใครจะได้ไป เช่นเดียวกับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป.และปัญหากองทัพงูเห่า 16 สส.ที่รองัดกันอยู่ว่า ใครจะอยู่ ใครจะไป