หลังสนามบินภูเก็ต อนุญาตให้รถและแท็กซี่ที่เรียกผ่านแอปฯ เข้ารับ-ส่ง ผู้โดยสารในสนามบินได้ แต่รถที่บริษัทท่าอากาศยานไทยฯ หรือ ทอท.อนุญาตให้เฉพาะ รถที่เรียกผ่านแอปฯ ที่ถูกกฎหมาย ซึ่งกรณีแกร็บลงทะเบียนไว้ 1,000 คัน แต่ผ่านการรับรอง 500 คัน โดยประชาชนสามารถเรียกรถบริการผ่านแอปพลิเคชันได้ในบริเวณที่สนามบินจัดไว้ให้ โดยจะมีป้ายสัญลักษณ์
สาเหตุที่ ทอท.อนุญาติ เกิดจากปัญหาในอดีต ที่ผู้เรียกใช้บริการไม่สามารถขึ้นรถที่เรียกผ่านแอปพลิเคชันในสนามบินได้ ต้องเดินระยะ 400-500 ม. จากอาคารผู้โดยสาร ผ่านจุดรับ-ส่ง ในสนามบิน ผ่านลานจอดรถ เพื่อไปยังถนนใหญ่ สร้างความลำบากให้ผู้โดยสารที่ส่วนใหญ่มีสัมภาระ บางวันฝนตกแดดร้อน และเสียภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว
ที่ผ่านมา มีปัญหารถที่เรียกผ่านแอปฯ รับผู้โดยสารในสนามบินจำนวนมาก โดยเมื่อเดือน มิ.ย.65 ที่ผ่านมา มีคลิปภาพปรากฎว่า แท็กซี่ในคิวรถต่อว่ารถที่เรียกผ่านแอปฯหนึ่ง อ้างว่าบริษัทเจ้าของคิวต้องจ่ายสัมปทาน 3 ล้านบาท แลกกับการรับส่งในสนามบิน แต่รถที่เรียกผ่านแอปฯ กลับเข้ามารับลูกค้าได้
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดจุดรับส่งรถแท็กซี่ที่เรียกผ่านแอปฯ จึงเพิ่มทางเลือกให้ผู้ที่มาใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างชาติวันละกว่า 40,000 คน แต่ก็ยอมรับเรื่องนี้จะกระทบรถลีมูซีนที่ได้สัมปทาน แต่ใกล้หมดสัมปทาน และขออนุญาตวิ่งรถรับ-ส่ง มีค่าจดทะเบียน-ขอใบอนุญาต จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้าน นายศดิส ใจเที่ยง นายกสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย กล่าวว่า ยอมรับว่า ขณะนี้นี้แอปฯ แกร็บ ถูกกฎหมายแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าอาจทำให้รายได้ลดไปบ้าง แต่กลุ่มแท็กซี่เดิมไม่น่ามีปัญหา แต่ขอให้มีจุดจอดรับส่งผู้โดยสารที่ถูกต้อง
ไทยพีบีเอส พูดคุยกับผู้โดยสารคนหนึ่ง ที่มาใช้บริการกับแม่สูงอายุนั่งวีลแชร์ เล่าว่า ต้องเดินออกไปเป็นระยะทางไกล ไปยังถนนใหญ่ เพื่อไปขึ้นรถที่เรียกผ่านแอปฯ ซึ่งสาเหตุที่เลือกใช้ เพราะราคาถูกกว่าประมาณ 1 เท่า แกร็บแท็กซี่ราคา 350 บาท แต่แท็กซี่ในสนามบิน 800 บาท
มีรายงานว่า บริษัทแกร็บ ได้หารือกับ ทอท.เพื่อขอรับผู้โดยสารในสนามบิน 6 แห่ง แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างหารือและดูความพร้อมจุดรับส่ง อย่างสนามบินสุวรรณภูมิจะเป็นคนละบริเวณกับแท็กซี่ที่ลงทะเบียนโดยยังไม่ได้ข้อสรุป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตรียมยกเลิกสัมปทานแท็กซี่สนามบินภูเก็ต