วันนี้ (24 ก.ย.2566) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองระลอกใหม่ โดยมีกลุ่มผู้อพยพจำนวนมากข้ามแม่น้ำริโอ บราโว เข้ามาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอลี้ภัยในสหรัฐฯ
ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของสถาบันการย้ายถิ่นฐานแห่งชาติเม็กซิโก (INM) หลังจากผู้อพยพกลุ่มนี้ฝ่ารั้วลวดหนามบริเวณพรมแดนระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐฯ ได้สำเร็จ
นายกเทศมนตรีเมืองเอล ปาโซ รัฐเท็กซัส เปิดเผยว่า ศูนย์พักพิงและทรัพยากรต่างๆ ของเมืองกำลังอยู่ในจุดวิกฤต หลังจากจำนวนผู้อพยพเพิ่มขึ้นจากวันละประมาณ 250-400 คน เป็นวันละไม่ต่ำกว่า 2,000 คนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ผู้อพยพพยายามฝ่ารั้วลวดหนาม บริเวณพรมแดนระหว่างเม็กซิโก-สหรัฐฯ
ขณะที่เมืองเอล ปาโซ เตรียมเปิดศูนย์พักพิงแห่งใหม่เพื่อรองรับผู้อพยพจากอเมริกาใต้ และจัดรถโดยสารนำผู้อพยพไปยังนิวยอร์ก ชิคาโกและเดนเวอร์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ว่าการรัฐเท็กซัสและรัฐฟลอริดาจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งตลอด 10 วันที่ผ่านมา เมืองเอล ปาโซ และเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนสหรัฐฯ ต้องหาที่พักพิงให้กลุ่มผู้อพยพไม่ต่ำกว่า 6,500 คน
ในช่วงครึ่งแรกของเดือน ก.ย.นี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ต้องรับมือกลุ่มผู้อพยพกว่า 142,000 คน บริเวณพรมแดน ซึ่งจำนวนผู้อพยพมุ่งหน้าข้ามพรมแดนมายังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากมีแนวโน้มลดลงเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของกลุ่มผู้อพยพจากอเมริกาใต้ กำลังสร้างความเดือดร้อนให้พื้นที่บริเวณพรมแดนของสหรัฐฯ มากขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ ขาดระบบการจัดการผู้อพยพบริเวณพรมแดน ส่งผลให้ไม่สามารถบังคับใช้บทลงโทษเข้มงวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านข่าวอื่นๆ
ตอบโต้! "อินเดีย" ระงับออกวีซาให้พลเมืองแคนาดา