วันนี้ (2 ต.ค.2566) นพ.จักรรัฐ พิทยาวงค์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ว่า ขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยสะสมแล้ว 216,600 คน คิดเป็นอัตราป่วย 327.33 ต่อประชากรแสนคน มีผู้เสียชีวิต 7 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ พบในจ.นครราชสีมา 4 คน สงขลา ตาก และพิษณุโลก จังหวัดละ 1 คน อัตราป่วยตาย 0.003
นพ.จักรรัฐ กล่าวอีกว่า ขณะที่โควิด อัตราป่วยติดเชื้อในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง เหลือแค่ 200 คน เช่นกับโรค RSV ที่เป็นกลุ่มโรคทางเดินหายใจพบในเด็กเล็ก อัตราการป่วยติดเชื้อก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากเข้าสู่สถานการณ์ปิดเทอม
ทั้งนี้ สาเหตุที่ไข้หวัดใหญ่อัตราการป่วยยังคงพุ่งสูง มาจาก 3 ปัจจัย เนื่องจากอยู่ในรอบการระบาดฤดูฝน, 2 การสวมหน้ากากอนามัยลดลง ไม่เหมือนในอดีตที่มีโควิดระบาด และ 3 ปริมาณความเข้มข้นของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในร่างกายที่มีมากกว่าโควิด เนื่องจากผลพวงของการติดเชื้อโควิดที่ผ่านมา คนอาจมีภูมิคุ้มกันโควิด แต่ไม่มีภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นกลไลการแข่งขันธรรมชาติของเชื้อไวรัส
อ่านข่าว : "ไข้หวัดใหญ่" ระบาดหนักสัปดาห์เดียวป่วยพุ่ง 12,000 คน
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ปัจจุบันการรักษาไข้หวัดใหญ่ มีการใช้ยาโอเซลทามิเวียร์ เป็นยาตัวแรก แต่ในญี่ปุ่นก็มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งในส่วนของประเทศไทย รอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขึ้นทะเบียนให้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาบัญชีหลักแห่งชาติ และใช้ในการรักษาไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน
ส่วนปัญหาการขาดแคลนยาที่ผ่านมา เนื่องจากมีอัตราป่วยมาก การใช้ยาย่อมมากตาม แต่ในสถานพยาบาลเอกชนมีการจ่ายยาเกินจำเป็น คนที่ป่วยแม้เพียงเล็กน้อยก็ได้รับยาโอเซลทามิเวียร์ อาจทำให้ไม่มีเพียงพอ ซึ่งความจริงแล้วไข้หวัดใหญ่ไม่จำเป็นต้องรับประทานยา ก็สามารถหายได้หากไม่มีโรคประจำตัวและพักผ่อนเพียงพอ เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้ ยาโอเซลทามิเวียร์มีเพียงพอแน่นอน เนื่องจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้เดินหน้าการผลิตสารตั้งต้นผลิตตัวยาแล้ว
อ่านข่าว : "ไข้หวัดใหญ่" ระบาดหนัก เช็กอาการ-กลุ่มไหนเสี่ยง
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้องค์การเภสัชกรรมได้ผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ พร้อมกระจายไปใน รพ.ต่างๆ แล้วจำนวน 26 ล้านเม็ด หรือใช้ได้ประมาณ 2.6 ล้านคน แบ่งเป็น 3 ขนาด ยาใช้ในเด็กเล็กขนาด 30 มิลลิกรัม, ยาใช้ในเด็กโตขนาด 45 มิลลิกรัม และยาสำหรับผู้ใหญ่ 75 มิลลิกรัม ซึ่งเกณฑ์การรักษาและการจ่ายยายังคงเดิม เหมือนกับเกณฑ์รักษาในปี 2554
ส่วนสาเหตุที่ยาไม่เพียงพอนั้น คาดมาจาก 2 ส่วน ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่มีจำนวนมากขึ้น และคนที่ต้องการทานยาเพื่อป้องกันโรค จึงเป็นสาเหตุให้ยาอาจไม่เพียงพอ โดยปกติการจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ จะใช้ในกลุ่มคนที่มีอาการรุนแรง หรือมีไข้สูง หรือคนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 608 ส่วนคนที่ไม่มีอาการ สามารถรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ ที่เดิมเคยใช้รักษาโควิด-19 หรือยาฟ้าทะลายโจรได้ เพราะสามารถรักษาการติดเชื้อไวรัสได้เช่นกัน ทั้งนี้ช่วงเย็นวันนี้ (2 ต.ค.) แนวทางการรักษาไข้หวัดใหญ่จะออกเพื่อใช้เป็นแนวทางการรักษา
อ่านข่าวอื่นๆ
X-ray ยีนกลายพันธุ์ ต้นตอ "มะเร็งปอด"
7 ต.ค."วันมะเร็งเต้านมสากล" เช็กเต้านมเองง่ายๆ-ตรวจคัดกรองฟรีก็มี
สธ.สั่ง สพฉ.ตั้งทีม Sky Doctor ทั่วไทยเพิ่มความเร็วส่งต่อผู้ป่วย