เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวปราศรัยประจำปีต่อรัฐสภา โดยเตือนชาติตะวันตก ระบุว่า รัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์ในคลังแสงที่พร้อมใช้โจมตีเป้าหมายตะวันตกได้ ท่าทีแข็งกร้าวนี้มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ผู้นำฝรั่งเศสส่งสัญญาณถึงการส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าไปช่วยเหลือยูเครน ในการประชุมที่ปารีสต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ปูตินออกมาปรามว่า การกระทำดังกล่าวอาจเสี่ยงก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นได้
ปูติน ระบุว่า ชาติตะวันตกจะต้องตระหนักว่ารัสเซียมีอาวุธที่ใช้โจมตีเป้าหมายในดินแดนตะวันตกได้เช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดความขัดแย้งที่มีอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาเกี่ยวข้อง และจะนำมาซึ่งการทำลายอารยธรรม
นอกจากนี้ยังประกาศว่า กองกำลังนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย อยู่ในสถานะเตรียมพร้อม และรัสเซียประจำการอาวุธความเร็วเหนือเสียงในกองทัพเรียบร้อยแล้ว ทั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงคินซาล ขีปนาวุธร่อนเซอร์คอน ซาร์มาท และระบบอื่น ๆ อีกหลายชนิด
อาวุธความเร็วเหนือเสียงเหล่านี้ออกแบบมาให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าความเร็วเสียงอย่างน้อย 5 เท่าหรือ 5 มัค เท่ากับประมาณ 6,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ปูติน ยังระบุด้วยว่า รัสเซียจะไม่ยอมให้ใครแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ และชาติตะวันตกพยายามทำลายรัสเซียจากภายใน โดยหากย้อนไป 2 ปีก่อน ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการส่งทหารเข้าไปทำปฏิบัติการพิเศษทางการทหารที่ยูเครน
ท่าทีของผู้นำรัสเซียมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งรัสเซียจะจัดขึ้น 15-17 มี.ค.นี้ ซึ่งค่อนข้างแน่ชัดว่าปูตินจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 6 ปี
นอกจากนี้ยังเป็นการตอบโต้ที่เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุไว้เมื่อต้นสัปดาห์ ว่า ฝรั่งเศสยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่จะส่งกำลังทหารภาคพื้นเข้าไปสนับสนุนยูเครน ระหว่างการประชุมผู้นำชาติยุโรป 20 ประเทศในกรุงปารีส ซึ่งสหรัฐฯ เยอรมนี อังกฤษและชาติอื่น ๆ ออกมาปฏิเสธทันควัน
ก่อนที่ผู้นำ 4 ชาติยุโรปกลางที่เป็นสมาชิกนาโต สาธารณรัฐเช็ก, ฮังการี, โปแลนด์, สโลวาเกีย จะยืนยันชัดเจนว่า ไม่มีแผนส่งกำลังทหารเข้าร่วมรบในยูเครนเช่นกัน
สงครามยูเครนนำมาซึ่งวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตกครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ปี 1962 ที่สองมหาอำนาจโลกเล็งหัวรบนิวเคลียร์ใส่กัน และโลกเฉียดเข้าใกล้การเกิดสงครามนิวเคลียร์มากที่สุดครั้งหนึ่ง
อ่านข่าวอื่น ๆ
เกาหลีใต้เตรียมระงับใบอนุญาตแพทย์ที่ไม่กลับมาทำงาน