วันนี้ (17 พ.ค.2567) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว เห็นได้จากการจัดตั้งธุรกิจในไทยที่ส่งสัญญาณไปในทิศทางที่ดี มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างดิจิทัลวอลเล็ต สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
สำหรับธุรกิจดาวเด่นที่โตอย่างก้าวกระโดด สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นช่วง 4 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-เม.ย.) พบว่า มี 2 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจเกี่ยวกับกิจกรรมของบริษัทโฆษณา เช่น การให้บริการด้านการออกแบบสร้างสรรค์การผลิตสิ่งต่างๆ เฉพาะเดือนเม.ย. มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 106 ราย
และมีแนวโน้มเติบโตของการจัดตั้งธุรกิจที่ 32.50 % เพิ่มขึ้น 26 ราย เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2566 ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ 57 ราย นนทบุรี 10 ราย และสมุทรปราการ 7 ราย ซึ่งธุรกิจที่จัดตั้งใหม่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก 100 % แสดงให้เห็นถึงธุรกิจขนาดย่อยสามารถการเข้าสู่อุตสาหกรรมโฆษณาได้มากยิ่งขึ้น
ธุรกิจโฆษณามีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางบวก ของการเติบโตสื่อดิจิทัลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ธุรกิจเกิดการแข่งขันกันสูง สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่กลับมาจับจ่ายใช้สอย
นางอรมน กล่าวอีกว่า ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจดาวเด่นที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น ที่น่าสนใจและสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น 4 เดือน มีธุรกิจผลิตภาพยนตร์ที่จดทะเบียนนิติบุคคลจำนวน 56 ราย เพิ่มขึ้น 12 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ทุนจดทะเบียน 195.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146.44 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566และมีแนวโน้มที่จะมีอัตราเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยหลักๆ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมาช่วยสนับสนุน แต่ที่สำคัญเป็นการปรับตัวของธุรกิจในอุตสาหกรรมหนังไทยให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและบริบทของสังคมไทย ที่มีการเปิดกว้างในความหลากหลายทางเพศมากขึ้น
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า พระเอกที่มาช่วยพัฒนาวงการนี้คือ ซีรีส์วาย เป็น คอนเทนต์ที่สื่อถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ได้จำกัดเพศ เปิดกว้างในการนำเสนอความรักในรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซีรีส์วายสามารถสร้างมูลค่าในธุรกิจผลิตภาพยนตร์ให้กลับมา สร้างกำไรได้อย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นยังสร้างเม็ดเงินขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโฆษณา
การสร้างมูลค่าจากตัวนักแสดงให้ไปเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิด ธุรกิจจัดกิจกรรม (Event) และธุรกิจท่องเที่ยว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้ผลิตซีรีส์วายกว่า 177 เรื่อง สามารถสร้างกระแสความนิยมเรื่อยมาและขยายกลุ่มลูกค้าในวงกว้างจนสามารถส่งออกไปขายยังตลาดต่างประเทศได้
โดยตัวเลขนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนเม.ย. 2567 พบว่า มีจำนวน 6,530 ราย เพิ่มขึ้น 489 ราย หรือ 8.09 % เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. 2566 และมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 27,271.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,373.99 ล้านบาท หรือ 30.50 % นับเป็นสัญญาณบวกสะท้อนให้เห็นว่าไตรมาส 2 ของปีนี้ เลขการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จะมีจำนวนสูงกว่าในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 565 ราย ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 455 ราย และ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 329 ราย ส่วนการจดทะเบียนเลิกกิจการ มีจำนวน 810 ราย ลดลง 126 ราย หรือ 13.46 % เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2566
ธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 88 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 44 ราย และ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 29 ราย 4 เดือน มียอดเลิกกิจการ มีจำนวน 3,619 ราย ลดลง 585 ราย หรือ 13.92 %
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่จดทะเบียนรวม 1,908,768 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 29.95 ล้านล้านบาท มีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวน 917,916 ราย
โดยมีการอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 75 ราย เพิ่มขึ้น 5 ราย หรือ 7 % นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น เงินลงทุน 15,048 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา เงินลงทุน 100 ล้านบาท และสิงคโปร์ เงินลงทุน 1,205 ล้านบาท 4 เดือนแรก เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 54,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,256 ล้านบาท หรือ 42 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566
อ่านข่าว: คนไทยว่างงาน พุ่ง 4.1 แสนคน สสช.เผย 59.25 % ให้เหตุผล “ลาออก”
ทำลาย “เครื่องชั่ง”ผิดกม.13,000 เครื่อง พณ.ขู่ห้ามนำมาใช้
“ข้าวเหนียวมะม่วงไทย” สุดฮอต พาณิชย์ ชี้เป้าตลาดอาเซียนมาแรง