กสทช.เตรียมเชิญ
วันนี้ (9 ก.ค.2558) ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีที่ บริษัท ไทยทีวี จำกัด ผู้รับใบอนุญาตจากกสทช. เพื่อประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ช่อง "ไทยทีวี" และ "LOCA" ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2558 ซึ่งศาลใช้เวลากการไต่สวนเกือบ 2 ชั่วโมง
น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. ระบุว่า ศาลได้รับฟังข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่ายและมีความเห็นว่า ขอให้ กสทช. และ บริษัท ไทยทีวี ไกล่เกลี่ยกันเองก่อน เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยศาลเห็นว่า กสทช.เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเป็นกติกาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็เห็นว่าผู้ประกอบการมีการแข่งขันและมีค่าใช้จ่ายลงทุนสูง หากสามารถไกล่เกลี่ยกันได้นำไปสู่ทางออกที่เป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย ก็น่าจะดีที่สุด
ทั้งนี้ ฝ่ายกสทช.ได้แจ้งให้ศาลทราบว่า หากบ.ไทยทีวี ไม่สามารถประกอบการต่อไปได้ ก็มีทางเลือกด้วยการปรับเปลี่ยนสัดส่วนผู้ถือหุ้นได้ แต่ต้องไม่เกินสัดส่วนร้อยละ 10 ต่อการเปลี่ยนหนึ่งครั้ง ตามที่กฎเกณฑ์ กสทช.กำหนด โดยบริษัทสามารถเปลี่ยนไปได้เริ่อยๆ จนกว่าจะครบทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์หากผู้ถือหุ้นเดิมยินยอม
นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเจรจากับพันธมิตรหรือผู้สนใจให้ร่วมผลิตรายการออกอากาศในช่องไทยทีวีและ LOCA ได้ในสัดส่วนร้อยละ 40 ซึ่งประเด็นดังกล่าว ทางฝ่ายกฎหมายบริษัทไทยทีวี ได้ชี้แจงศาลว่า บริษัทเพิ่งรับทราบเรื่องการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนได้ตามที่ กสทช.เสนอ
น.ส.สุภิญญาระบุด้วยว่า จะกลับไปชี้แจงให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) รับทราบถึงท่าทีของบริษัทไทยทีวี และคาดว่าจะเชิญนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ "ติ๋ม ทีวีพูล" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี มาพบ กสทช. สัปดาห์หน้าเพื่อเจรจาร่วมกัน เนื่องจากเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจของบริษัท เพราะการเจรจาร่วมกันอย่างน้อยจะได้ให้มีความคืบหน้าหรือแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นก่อนที่จะครบระยะเวลาที่ธนาคารกรุงเทพต้องจ่ายหลักทรัพย์ค้ำประกัน (แบงค์การรันตี) ในวันที่ 22 ก.ค.2558
นายสุชาติ ชมกุล หนึ่งในฝ่ายกฎหมาย บริษัทไทยทีวี ระบุว่า จากนี้จะกลับไปแจ้งข้อมูลให้นางพันธุ์ทิพารับทราบและยืนยันว่าที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยรับทราบมาก่อนว่าสามารถเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นได้
สำหรับความคืบหน้าการจ่ายหลักทรัพย์ค้ำประกัน (แบงค์การันตี) และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการร่วมประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัลอีกกว่า 1,600 ล้านบาท นายสุชาติระบุว่า ได้รับหนังสือจากธนาคารกรุงเทพแล้วและบริษัทได้แจ้งกลับไปแล้วตามจุดยืนเดิมว่า ขอให้ระงับการจ่ายแบงค์การันตีเนื่องจาก กสทช.ไม่ได้ผลักดันการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัลได้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้