2 นายทุนเอี่ยว "เรือน้ำมันเถื่อน" คาดขายเรือ-น้ำมันขีดเส้น 7 วัน

อาชญากรรม
17 มิ.ย. 67
16:38
4,345
Logo Thai PBS
2 นายทุนเอี่ยว "เรือน้ำมันเถื่อน" คาดขายเรือ-น้ำมันขีดเส้น 7 วัน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"บิ๊กเต่า" เปิดพฤติการณ์โจรกรรมเรือน้ำมัน 3 ลำล่องหน เปลี่ยนสีเรือตบตา คาดจ่อขายทั้งน้ำมัน-ขายเรือ แย้มโยง 2 นายทุน "เสี่ย จ." ขีดเส้นสอบ 7 วันทุกคนเอี่ยวโดนหมด

วันนี้ (17 มิ.ย.2567 ) เมื่อเวลา 15.00 น.พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) แถลงผลการตรวจยึดเรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ หลังจากตรวจยึดคืนกลับมาได้ และอยู่ระหว่างเดินทางเข้าเทียบฝั่งที่ จ.สงขลาในช่วงเวลา 18.00-19.00 น.

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การโจรกรรมเรือที่มีน้ำมันที่มีมูลค่า 5 ล้านบาท และเรือที่มีมูลค่าลำละ 25-30 ลำ ตอนนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวนให้ได้คำตอบทุกมิติภายใน 7 วัน ขอให้เชื่อมั่นในทีมงานทั้งการจับกุม และขอให้ความร่วมมือด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายกับหน่วยงาน

ถ้าพบใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนน้ำมันที่ไม่ครบต้องมีคนรับผิดชอบคนที่บกพร่องสร้างความเสียหาย และจะไม่ให้ใครแค่ 3-4 คนมาสร้างความเสียหายกับองค์กร  

อ่านข่าว "บิ๊กเต่า" แถลงเที่ยงนี้เรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำรู้แน่ใครเอี่ยวบ้าง

กางไทม์ไลน์-พฤติกรรมโจกรรมเรือ

พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ กล่าวถึงไทม์ไลน์ของเรือทั้ง 3 ลำโดยระบุว่านับตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.2567 มีการจับกุม และนำของกลางมาไว้ที่สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี จากนั้นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องหานำเรือออกไป และเดินทางไปใกล้สุดกัมพูชาถึงวันที่ 12 มิ.ย.

จากการสืบสวนทำให้ทราบว่าเรือเหล่านี้ นำไปเพื่อหลบซ่อน และมีพฤติกรรมเปลี่ยนสีเรือ เพื่อไม่ให้ตรวจจับได้ และเขามีความประสงค์ในการนำกลับมาใช้ใหม่ และเอาน้ำมันของกลางจำหน่าย ซึ่งปริมาณน้ำมันของกลางเหลือไม่เท่ากับจำนวนน้ำมันที่เป็นของกลาง 330,000 ลิตร ส่วนผู้ต้องหาบางส่วนสับเปลี่ยนไปพัก เพราะคิดว่าการจอดซ่อนในระยะเวลายาวนาน จึงแบ่งผู้ต้องหาบางส่วนพักออกไป บางส่วนก็เฝ้าเรือจะมีอีกชุดเฝ้าเรือ

อ่านข่าว ตำรวจน้ำสงขลา เข้าควบคุมเรือบรรทุกน้ำมันของกลาง 3 ลำ ได้แล้ว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

จนกระทั่งวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางกองบังคับการตำรวจน้ำประสานไปยังประเทศต่าง ๆ และขอให้ดูอู่เรือ ท่าเรือต่างๆ ว่าพบมีเรือที่ถูกโจรกรรมไปหรือไม่ จนนำมาสู่การแจ้งจากทางการกัมพูชา ซึ่งต้องขอบคุณทุกประเทศทั้งกัมพูชาและประเทศอื่นๆ เป็นอย่างดี 

และจากการประสานทำให้รู้ว่าเรือนา่าจะอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะ ห่างจากพื้นที่สงขลา 90 ไมล์ทะเล จากนั้นจึงนำเรือตำรวจน้ำ 3 ลำออกไปตรวจและพบว่าเรือดังกล่าวน่าจะเป็นเรือของกลางที่ถูกลักไปเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.และพบว่ามีรูปพรรณของเรือตรงกัน และคนที่อยู่บนเรือมีตำหนิรูปพรรณตรงกับผู้ต้องหา

เรือผู้ต้องหาพาหนีออกไปในทะเล พบมีการทาสีที่เก๋งเรือ พื้นเรือจากสีแดงเทาเป็นสีเหลือง เรียกว่าพยายามเปลี่ยนทุกลำ แต่ด้วยความรีบร้อนออกมาจึงเสร็จไปแค่ 1 ลำเท่านั้น
พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.)

พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.)

พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.)

คาดขายทั้งน้ำมันและขายเรือ

พล.ต.ต.พฤธิพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนลูกเรือทั้ง 3 ลำเหลืออยู่ 8 คนจากที่ขึ้นเรือ 15 คน และคาดว่าบางส่วนที่ไม่ได้อยู่บนเรือน่าจะหลบหนีต่อ และประกอบกับเรือดาวรุ่งเสียจึงไปไหนต่อไม่ได้ จึงต้องลากกันไป โดยหลังจากเรือเข้าถึงฝั่งจะให้สื่อมวลชนดูว่าเป็นเรือลำเดียวที่หายไปจากสัตหีบ  

หากไปถึงกัมพูชา ก็น่าจะขายทั้งน้ำมัน และเรือ เพราะถ้าไม่ประสงค์ประโยชน์จากเรือคงไม่เปลี่ยนตำหนิรูปพรรณของเรือ สำหรับน้ำมัน 330,000 ลิตรถ้าขายในทะเลราคา 10-12 บาทแต่หากต่อรองได้ 15 บาท ส่วนราคาเรือตกลำละ 20-25 ล้านบาท

เปิดชื่อ 2 นายทุนโยงเอี่ยวเรือน้ำมัน

พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่าตั้งแต่คดีแรกที่จับเรือบรรทุกน้ำมันมานั้น จนถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของน้ำมัน และเจ้าของเรือทั้ง 3 ลำ จนกระทั่งเรือหายไปจากท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ก็ยังไม่มีผู้ใดเข้ามาแจ้งเป็นเจ้าของ

คดีเดิมผู้ต้องหาไม่ได้พูดถึงว่าเรือ และน้ำมันเป็นของผู้ใด แต่ตำรวจมีข้อมูลและขอพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงบางอย่างเพื่อให้ชัดเจน

พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม กล่าวว่า เมื่อเดือน มี.ค.2567 ได้จับกุมเรือน้ำทั้ง 5 ลำ และมีการสืบสวนมาโดยตลอด พร้อมซักถามลูกเรือทั้ง 28 คน ซึ่งทั้งหมดบอกว่าตนเองเป็นแค่ลูกจ้าง และลูกเรือ ตำรวจจึงเชื่อมาโดยตลอดว่ามีนายทุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มลูกเรือทั้ง 28 คน ภายหลังมีการนำเรือทั้ง 3 ลำออกไปในวันที่ 9 มิ.ย.2567

ต่อมาในวันที่ 10 มิ.ย.เริ่มเห็นความเคลื่อนไหว และพฤติการณ์ผิดปกติ ทั้งการเตรียมเสบียงขึ้นไปบนเรือ ซื้อของ และเส้นทางการเงินผิดปกติ จนกระทั่งคืนวันที่ 11 มิ.ย.มีการหันหัวเรือตอนกลางคืนและมุ่งหน้า เชื่อว่าเป็นการหลบหนี

สแกนข้อมูลทุกมิติจนพบว่าคนที่ขึ้นเรือทั้ง 3 ลำในคืนวันที่ 11 มิ.ย. มี 15 คน และวันนี้ผู้การตำรวจน้ำ แจ้งว่ามีอยู่ 8 คน อยู่บนเรือของกลางที่กำลังมาสงขลา ส่วนอีก 7 คนกำลังสืบสวนว่าหลบหนีไปที่ใด

จากการสืบสวนทั้ง 2 เหตุการณ์ ตำรวจเชื่อว่าเรือทั้ง 5 ลำ อาจไม่ได้มีนายทุนคนเดียว แต่นายทุนทั้ง 2 คนมีความเชื่อมโยงกัน ขอเวลาทำงานเพื่อให้ได้พยานหลักฐานมากขึ้น ในชั้นนี้คนที่ชื่อ "จ" มีความเชื่อมโยงอยู่บ้าง แต่ขอเวลาทำข้อมูล

การหลบหนีของเรือทั้ง 3 ลำน่าจะมีคนอยู่เบื้องหลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเชื่อมโยงของ เสี่ย จ.กับเสี่ยอีกคนหรือไม่ ตำรวจระบุว่าขอเวลาสืบสวนว่าเชื่อมโยงแบบใด เกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อน หรือนำเรือของกลางออกไปหรือไม่

อ่านข่าว

เด้ง ผกก.ตำรวจน้ำ พร้อมพวกรวม 4 คน เซ่นเรือน้ำมันเถื่อนหาย

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง