"เศรษฐกิจโลก" โตต่อ จับตาการเมืองสหรัฐ KKP ชี้หุ้นกลุ่ม AI ขยายตัวสูง

เศรษฐกิจ
17 ก.ค. 67
11:46
702
Logo Thai PBS
"เศรษฐกิจโลก" โตต่อ จับตาการเมืองสหรัฐ KKP ชี้หุ้นกลุ่ม AI ขยายตัวสูง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เศรษฐกิจโลกโตต่อ จับตาการเมืองสหรัฐฯ ยังผันผวน ทั้งนโยบายประเทศเศรษฐกิจหลัก-ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ KKP แนะลงทุนหุ้นคุณภาพสูงลดความเสี่ยง ชี้หุ้นกลุ่ม AI ยังมีแนวโน้มเติบโต จับตาค้าปลีก โรงแรม อาหาร และสื่อสารมาแรง ปัจจัยหนุนจากท่องเที่ยว

วันนี้ ( 17ก.ค.2567) นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มโตต่อได้แม้ไม่ร้อนแรงเท่าปีที่แล้ว และการเติบโตยังขยายวงกว้างมากขึ้น โดยสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังน่าจะทยอยลดลงได้อีก ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจเรื่องอัตราเงินเฟ้อให้กับเฟด

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร

โดย KKP ยังคงคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 1-2 ครั้งในครึ่งหลังปี 2567 นี้ ขณะที่ยุโรปสามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแม้จะไม่สดใสเท่าสหรัฐฯ และเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงได้เช่นกัน นอกจากนี้ ในฝั่งประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ไม่รวมประเทศจีน (Emerging Markets ex China) ก็มีแนวโน้มที่เติบโตได้ดี ถึงมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อที่อาจลงช้ากว่าคาด แต่น่าจะลดลงได้

ประเด็นที่ต้องจับตาใกล้ชิดในช่วงครึ่งปีหลัง คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำมาซึ่งความไม่แน่นอนทั้งในแง่ของนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในมิติของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ที่จีนจะได้รับผล กระทบโดยตรง

โดยเศรษฐกิจจีนยังได้รับผลกระทบจากปัญหาภายในที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าภาคอสังหาฯ ที่ซบเซา ความเชื่อมั่นในการบริโภคที่ยังไม่ฟื้น และการขาดมาตรการกระตุ้น เมื่อประกอบกับความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แนวโน้มตลาดหุ้นจีนจึงยังไม่น่าสนใจ

สงครามารค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

สงครามารค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

สงครามารค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

นายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า มุมมองว่าการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกยังไปต่อได้ แต่ด้วยความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เพิ่มขึ้นและคาดเดาได้ยาก บล.เกียรตินาคินภัทร จึงแนะนำว่านักลงทุนควรจัดสรรการลงทุนอย่างรอบคอบ เน้นหุ้นคุณภาพสูง และการกระจายการลงทุนในพอร์ต โดยมีการลงทุนทั้งแบบเชิงรุก (Grow) และแบบจำกัดความเสี่ยง (Protect) ควบคู่กัน

สำหรับการลงทุนเชิงรุก (Grow) หุ้นที่น่าสนใจคือ หุ้นกลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ(Cyclical growth) ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ไม่รวมประเทศจีน (Emerging Markets ex China) เนื่องจากวงจรเศรษฐกิจเอื้ออำนวยและโมเมนตัมกำไรแข็งแกร่ง และกลุ่มธุรกิจการเงิน (Financials) เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมและคุณภาพสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น

นายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บล.เกียรตินาคินภัทร

นายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บล.เกียรตินาคินภัทร

นายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บล.เกียรตินาคินภัทร

ส่วนกลุ่มที่เหมาะกับการลงทุนในระยะยาวคือ หุ้นอินเดีย และกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวโยงกับห่วงโซ่อุปทานของ AI (AI Value Chain) นอกเหนือจากเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากการลงทุนด้าน AI ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อ

ส่วนการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Protect) แนะนำลงทุนในตราสารหนี้โลกคุณภาพดีเพราะให้ผลตอบแทน (yield) สูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ แต่จำกัดความเสี่ยงจากความผันผวนของ yield เน้นการลงทุนที่อายุ 3-5 ปี

ความเสี่ยงยังไม่ถูกสะท้อนอยู่ในราคาหุ้นในตลาดทั้งหมด จึงควรลงทุนในอนุพันธ์ที่ป้องกันเงินต้น แต่ยังเปิดช่องให้รับ Upside

ขณะที่การลงทุนในหุ้นกลุ่ม AI ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อได้อีก เนื่องจากการลงทุนพัฒนายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังมีศักยภาพรอนำไปใช้ เห็นการขยายการใช้งานไปยังกลางน้ำ-ปลายน้ำของห่วงโซ่อุปทานของ AI (AI Value Chain) ด้านการประเมินมูลค่าหุ้นไม่ถือว่าราคาถูกแต่ยังไม่แพงจนถึงระดับฟองสบู่

สำหรับการลงทุนต่างประเทศ ความผันผวนของ Forex (Foreign Exchange) สูงในระยะสั้นแต่ระยะยาวไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลตอบแทน ประกอบกับต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (hedging cost) ที่ค่อนข้างสูง

ดังนั้นการลงทุนต่างประเทศโดยเป็นแบบเปิดรับความเสี่ยงค่าเงิน (unhedged) จึงน่าจะทำให้ได้ผลตอบแทนในระดับสูงในต่างประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย คาดว่า hedging cost USD/THB จะมีแนวโน้มแพงไปอย่างน้อยอีก 2-3 ปี เนื่องจากปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยที่ด้อยลงและเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ค่อนข้างแข็งแกร่งจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเทียบกับสหรัฐฯน่าจะอยู่ในช่วง 2-3%

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) วิเคราะห์อีกว่า  การลงทุนครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน จากปัจจัยด้านการเมืองและนโยบายที่ไม่แน่นอน นักลงทุนควรมองหาโอกาสและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีก โรงแรม อาหาร และสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

ตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3 จะเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากจุดต่ำสุดของตลาดในไตรมาสก่อน คาดว่าผลตอบแทนจะเริ่มค่อนข้างคงที่หรือไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก จากความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่จะช่วยลดความผันผวนของตลาดได้บางส่วน ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มค้าปลีก โรงแรม อาหาร และสื่อสารโทรคมนาคม มีแนวโน้มเติบโตดีจากปัจจัยหนุนดังกล่าว

ในขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มที่ควรลดสัดส่วน (Underweight) คือ หุ้นกลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ สื่อ เคมี และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังเผชิญสภาวะสินเชื่อชะลอตัวและการลดลงของสัดส่วนหนี้สิน (deleveraging cycle) ปัญหาการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรม และปัญหาการผลิตสินค้าเกินกำลังการผลิตในจีน

อ่านข่าว:

 “ราคาทอง” เช้านี้ บวก 500 บาท “รูปพรรณ” ขายออก 42,650 บาท

"คลัง" เตือนเอาผิดหากแลก "เงินสด" 10,000 แทนใช้เงินดิจิทัล

GULF ประกาศควบรวมกิจการ INTUCH ตั้งบริษัทใหม่ NewCo

ข่าวที่เกี่ยวข้อง