เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2567 Hans Kluge ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภูมิภาคยุโรป ระบุว่า เอ็มพอกซ์ หรือฝีดาษลิง ทั้งสายพันธุ์เก่าและสายพันธุ์ใหม่ จะไม่ระบาดรุนแรงเท่าโควิด-19 เนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรู้วิธีการควบคุมการแพร่ระบาดแล้ว
Kluge กล่าวอีกว่า ทั่วโลกสามารถและต้องจัดการกับเอ็มพอกซ์ไปด้วยกัน และการรับมือในขณะนี้และอีกหลายปีต่อจากนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญของยุโรปและทั่วโลก
ขณะนี้ทั่วโลกกำลังวิตกกังวลกับการแพร่ระบาดของเอ็มพอกซ์สายพันธุ์เคลด 1บี ซึ่งรุนแรงกว่าและระบาดได้ง่ายกว่าผ่านการสัมผัสใกล้ชิด ซึ่ง Kluge ระบุด้วยว่า การมุ่งเน้นจัดการไปที่ไวรัสสายพันธุ์นี้จะช่วยในการรับมือกับสายพันธุ์เคลด 2 ที่รุนแรงน้อยกว่า แต่พบการระบาดไปทั่วโลกมาแล้วเมื่อปี 2022 และขณะนี้พบผู้ป่วยเอ็มพอกซ์สายพันธุ์เคลด 2 ในยุโรป ประมาณ 100 คนต่อเดือน
เชื้อไวรัสเอ็มพอกซ์จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดและเกิดแผลพุพองตามร่างกาย แต่อาการป่วยเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ส่วนการแพร่ระบาดเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด ทั้งการสัมผัสผิวหนัง พูดคุยหรือหายใจใกล้ชิดกัน รวมถึงเพศสัมพันธ์
องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้วัคซีนเอ็มพอกซ์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อช่วยให้ประเทศต่าง ๆ ที่พบการระบาดใช้วัคซีนเพื่อรับมือกับเชื้อไวรัสดังกล่าว นอกจากนี้ยังช่วยให้กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) และ Gavi ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านวัคซีน จัดหาวัคซีนและเร่งส่งมอบวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้ถึงมือผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว
อ่านข่าว
รายแรก! "ฝีดาษลิง" ในฟิลิปปินส์ ไม่มีประวัติเดินทางนอกประเทศ