วานนี้ (3 ต.ค.67)พายุไต้ฝุ่นกระท้อนพัดขึ้นฝั่งของไต้หวันจนทำให้บ้านเมืองเสียหายหนักเป็นวงกว้าง แม้จะอ่อนกำลังลงและพัดขึ้นฝั่งด้วยความรุนแรงระดับ 1 มีความเร็วลมสูงสุดที่ 135 กม.ต่อ ชม. ความรุนแรงส่งผลให้สภาพบ้านเรือนในเมืองเกาสงเต็มไปด้วยซากต้นไม้ที่หักโค่นและถอนรากถอนโคน เสาไฟฟ้าเอนล้ม และซากความเสียหายต่าง ๆ เกลื่อนอยู่ตามพื้นถนนของเมืองจนกีดขวางการจราจร
หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาไต้หวัน ระบุว่า หลังจากพัดขึ้นฝั่งแล้วพายุจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว แต่รัฐบาลยังคงเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง คลื่นพายุซัดฝั่งและคลื่นสูง พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย
อิทธิพลของพายุลูกนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2 คน สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง บาดเจ็บอีกประมาณ 129 คน และประชาชนอีกหลายพันคนต้องอพยพไปยังที่ปลอดภัย
นอกจากนี้บ้านเรือนประชาชนอีกเกือบ 100,000 ครัวเรือน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ขณะที่มีรายงานน้ำท่วมและดินถล่มสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและถนนในบางพื้นที่ด้วย
สภาพอากาศเลวร้ายยังส่งผลกระทบต่อการคมนาคม โดยรถไฟความเร็วสูงต้องระงับการให้บริการ ส่วนเที่ยวบินภายในทั้งหมดและเที่ยวบินระหว่างประเทศหลายร้อยเที่ยวบินถูกยกเลิก
ขณะที่เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.67) ทางการไต้หวันได้สั่งปิดโรงเรียนสำนักงาน และร้านค้าธุรกิจต่าง ๆ ทั่วไต้หวันเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในวันนี้โรงเรียนและสำนักงานจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ยกเว้นในเมืองเกาสง เมืองผิงตง และบางพื้นที่ของเมืองฮวาเหลียนและนิวไทเป โดยเมืองเกาสงและเมืองผิงตงถือเป็น 2 พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากลมแรงและฝนตกหนักจากพายุไต้ฝุ่นกระท้อนมากที่สุด ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจปิดโรงเรียนและสำนักงานต่างๆ เป็นวันที่ 4 ติดต่อกันในวันศุกร์นี้
พายุลูกนี้พัดขึ้นฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ต่างจากตามปกติที่มักจะเคลื่อนขึ้นฝั่งในพื้นที่ทางตะวันออกของไต้หวัน ซึ่งทำให้ไต้ฝุ่นกระท้อนถือเป็นพายุลูกแรกที่พัดขึ้นฝั่งที่เมืองเกาสงในเดือน ต.ค. ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า ไต้ฝุ่นกระท้อนจะเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ขึ้นไปทางตอนเหนือ และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันในช่วงกลางดึกวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นก่อนจะพัดเข้ากรุงไทเปต่อไป
อ่านข่าว : "ไต้หวัน" ขยายปิด "โรงเรียน-สำนักงาน" รับมือไต้ฝุ่น "กระท้อน"
ไต้หวันอพยพ 7,800 คนหนีซูเปอร์ไต้ฝุ่น "กระท้อน"
นานาชาติ เร่งอพยพประชาชน หนีสู้รบ "เลบานอน"