วันนี้ (1 พ.ย.67) ที่พรรคพลังประชารัฐ แกนนำพรรคนำโดยนายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน แถลงเรื่อง “พปชร.เตือนรัฐบาล เศรษฐกิจไทยก้าวสู่จุดพลิกผันจะฟื้นจริง? หรือฟุบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจปากท้องประชาชนและผู้ประกอบการ โดยอ้างโพลหอการค้าชี้ออกมา ความเชื่อมั่นยังลดต่อเนื่องต่ำสุดรอบ 18 เดือน เศรษฐกิจเติบโตร้อยละ 2 ต่อปี ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศในอาเซียนที่มีร้อยละ 4 ที่ไทยเผชิญในจุดผกผัน ซึ่งเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก
นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน แถลงเรื่อง “พปชร.เตือนรัฐบาล เศรษฐกิจไทยก้าวสู่จุดพลิกผันจะฟื้นจริง? หรือฟุบ
โดยเสนอแนะ 2 โจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งทำคือ 1. เรื่องเฉพาะหน้าเร่งฟื้นเศรษฐกิจให้กลับคืนโดยเร็วแก้ไขหนี้อย่างจริงจัง และ 2. ยกระดับขีดความสามารถประเทศสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนเต็มศักยภาพ เช่น ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายประชาชน ส่งผลภาระหนี้ครัวเรือน
นายสนธิรัตน์ กล่าว่า เรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยถูกเปรียบเทียบกับประเทศอื่นและในประเทศอาเซียน ยก 2 นโยบายเรือธงของรัฐบาลที่มากระตุ้นเศรษฐกิจ คือ นโยบายราคาพลังงาน ที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะลดพลังงานทันที โดยรัฐบาลดำเนินงานมากกว่า1 ปี กระทรวงพลังงานพยามรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน แต่ยังไม่สามารถทำให้ราคาถูกได้
รัฐบาลต้องเร่งสร้างความกระจ่างและมีความชัดเจนในการแก้ไขกฎหมายให้มีความชัดเจน รวมถึงผลกระทบต่อราคาพลังงานโดยเฉพาะเรื่องน้ำมัน
ขณะเดียวกันเรื่องของไฟฟ้าเป็นหัวใจหลัก ซึ่งราคาค่าไฟฟ้าเป็นปัญหามาตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน โดยจะต้องทำราคาแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เนื่องจากเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนและผู้ประกอบการ และการประมูลไฟฟ้ามีสิ่งที่น่าข้อสังเกตซึ่งเป็นความกังวลใจเนื่องจากการดำเนินการประมูลยังคงมีข้อเคลือบแคลงสงสัย เกี่ยวกับราคาไฟฟ้าว่าเป็นราคาที่ตายตัวหรือฟิกไลท์ เน้นไปที่คุณสมบัติของผู้ยื่นประมูลประกอบกับทำเลที่ตั้ง
น่าเป็นห่วงรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับราคาไฟฟ้าน้อย ให้แต่ความสำคัญกับเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครหรือผู้ยื่นประมูลเป็นหัวใจหลัก รัฐบาลต้องการลดราคาพลังงาน แต่สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่วันนี้จะนำไปสู่การลดราคาค่าพลังงานได้จริงหรือไม่
ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐจึงเรียกร้องว่าการประมูลที่เกิดขึ้นต้องดูที่นโยบายราคามาประกอบอย่านำนโยบายตั้งแต่ปี 2565 ที่ใช้การฟิคราคาไฟฟ้าตัวตั้งในการประมูล แสดงว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาทำให้ราคาไฟฟ้าถูกลง
นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ยังหยิบยกสิ่งที่กังวลในเรื่องที่ 2 คือ เหตุผลที่ต้องเร่งประมูลเพื่อสร้างไฟฟ้าพลังงานทางเลือกรองรับการลงทุนต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับความต้องการในการใช้พลังงาน เร่งความกระจายในแผน PDP ก่อนการเปิดประมูลรอบต่อไป
การประมูลครั้งนี้ขอให้มีความโปร่งใสอย่าให้มีข้อกล่าวหา อย่างการประมูลรอบที่ผ่านมา เสนอแนะให้รัฐบาล ว่าการประมูลพลังงานทางเลือกและในอนาคต ประมูลให้สอดรับกับการป้องกันพลังงานสีเขียว ไม่ต้องการเหตุการณ์กำหนดราคาโดยไม่พิจารณาการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านนโยบายเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่ไม่ใช่การใช้ดิจิทัลวอลเล็ตอย่างที่หาเสียงเอาไว้ เมื่อแจกเงินกลุ่มเปราะบางครั้งที่หนึ่งเสร็จแล้ว ส่วนการจ่ายเงินครั้งที่สองยังเป็นข้อสงสัยในรายละเอียด ทวงถามอะไร คือ ปัญหาที่ยังไม่มีคำตอบความชัดเจน หากรัฐบาลจะแจกในรอบที่สอง ดำเนินการเมื่อไหร่หากล่าช้าพรรคพลังประชารัฐไม่เชื่อว่าพลังของการใช้นโยบาย 10,000 บาทจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง เป็นนโยบายที่ออกมาแล้วไม่หมุนเศรษฐกิจ และเม็ดเงินจะเป็นภาระใหญ่ในอนาคต ทำให้การพัฒนาประเทศในอนาคตทำได้ยากขึ้น
ทั้งนี้การนำมาซึ่งโครงการ กระตุ้นเศรษฐกิจให้เอสเอ็มอีเปิดพื้นที่ลดราคาแผงเช่า หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ 100,000 ล้านบาท อ้างอิงมาจาก การใช้เม็ดเงิน10,000 บาท ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงให้เกิดความชัดเจนว่าเงิน 10,000 บาทที่จะลงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ78,000 ล้านบาทพิสูจน์ได้หรือไม่ หากไม่เป็นข้อเท็จจริงจะย้อนกลับว่าการแจกเงิน 10,000 บาทที่ผ่านมาไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่รัฐบาลตั้งใจ
หากแจกเงินในรอบที่สองไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะหมุนเศรษฐกิจ ต้องความกระจ่างเพราะเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะต่างชาติเริ่มประเมินทางการคลังของไทยด้วยมีแนวโน้มจะลดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) จากภาวะที่เปาะบาง หากดำเนินนโยบายผิดพลาดจะกระทบต่อความมั่นคงทางการคลัง
อ่านข่าว:
"นพดล" วอนเลิกปลุกกระแสการเมือง MOU44-เกาะกูด
เลขาฯ สมช.แจงเกณฑ์ให้สัญชาติไม่รวมแรงงานต่างด้าว-หนีสงคราม
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ “เพื่อไทย” โต้ พปชร. ปม “ตัวย่อการเมือง” เอี่ยวดิไอคอน