ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"โดนัลด์ ทรัมป์" หวนคืนทำเนียบขาวคว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024

ต่างประเทศ
6 พ.ย. 67
14:44
2,555
Logo Thai PBS
"โดนัลด์ ทรัมป์" หวนคืนทำเนียบขาวคว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 จากเส้นทางนักธุรกิจสู่วงการการเมือง และอีกครั้งที่สามารถหวนคืนสู่ทำเนียบขาว หลังจากพ่ายแพ้เมื่อ 4 ปีก่อน

โดนัลด์ ทรัมป์ เกิดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.1946 ในเขตควีนส์ เมืองนิวยอร์ก เขาเป็นบุตรของเฟร็ด-แมรี ทรัมป์ และมีพี่น้องอีก 4 คน ทรัมป์เรียนที่โรงเรียนนายร้อยทหารนิวยอร์ก และต่อมาได้ศึกษาด้านการเงินและพาณิชย์ที่วิทยาลัยวอร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย

ทรัมป์เริ่มอาชีพในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามรอยพ่อ เขาเขียนหนังสือมากกว่า 14 เล่ม เล่มแรกคือ The Art of the Deal ตีพิมพ์ในปี 1987 นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ดำเนินรายการ The Apprentice ตั้งแต่ปี 2004-2015 ซึ่งสร้างชื่อเสียงและความนิยมให้กับเขาอย่างมาก

ทรัมป์ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2015 และได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ผลงานโดดเด่นของเขา คือ การปฏิรูประบบภาษี เจรจาข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ เพิ่มขีดความสามารถทางการทหาร ปราบปรามกลุ่ม ISIS รับมือโควิด-19 และแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดถึง 3 คน

อ่านข่าว : อัปเดตผลเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 "ทรัมป์-แฮร์ริส" ใครคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

จากนักธุรกิจสู่นักการเมือง

หลังจากทรัมป์เข้ามาดูแล "ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน" เขายังคงทำงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ เช่น การซื้อทีมกีฬา ตีพิมพ์หนังสือ และเป็นโปรดิวเซอร์และผู้ดำเนินรายการเรียลลิตี้โชว์ The Apprentice เขาสมรสกับเมลาเนีย คเนาส์ ในปี 2005 นางแบบที่ต่อมาได้กลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก

ในปี 2000 ทรัมป์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในฐานะผู้สมัครจากพรรคที่ 3 นอกเหนือจาก 2 พรรคหลัก คือ รีพับลิกันและเดโมแครต แต่ถอนตัวออกจากการแข่งขันในช่วงต้น เขาเคยลงสมัครอีกครั้งในปี 2004 และ 2012 ก่อนประกาศลงสมัครอีกครั้งในปี 2015 ในฐานะผู้แทนพรรครีพับลิกัน และเอาชนะผู้สมัครอีก 16 คน เพื่อเป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการในปี 2016

การเลือกตั้งในปี 2016

คู่แข่งของทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2016 คือ "ฮิลลารี คลินตัน" อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและภรรยาของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่ทรัมป์ขาดประสบการณ์ในงานสาธารณะและใช้วิธีการที่ไม่เหมือนใคร หลายคนคาดการณ์ว่า "คลินตัน" จะได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ

แต่หลังการนับคะแนนในปี 2016 คลินตันได้คะแนนเสียงจากประชาชนมากกว่าทรัมป์ถึง 2,9000,000 เสียง แต่ทรัมป์กลับเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งในหลายรัฐที่มีคะแนนผู้แทนมาก จึงทำให้ทรัมป์ชนะและได้เป็นประธานาธิบดี เขาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 5 ที่ได้รับตำแหน่งโดยไม่ได้ชนะคะแนนเสียงจากประชาชนโดยตรง แต่ชนะด้วยคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง

ในสหรัฐฯ มีระบบการเลือกตั้งที่ซับซ้อน หลังจากที่ประชาชนลงคะแนนเสียงแล้ว การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะขึ้นอยู่กับคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ซึ่งมีผู้แทนจากแต่ละรัฐตามสัดส่วนประชากร ผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งในรัฐนั้นจะได้คะแนนของผู้แทนทั้งหมดของรัฐไป

เมื่อทรัมป์เป็นประธานาธิบดี

เช่นเดียวกับ "โรนัลด์ เรแกน" ทรัมป์ใช้วิธีหาเสียงกับชาวอเมริกันว่า เขาไม่ใช่นักการเมือง ไม่มีประสบการณ์ด้านการเมือง ไม่รู้เกมการเมือง แต่นั่นทำให้เขาเข้าใจสิ่งที่ประชาชนเป็นอยุ่และเข้าใจ "เขาเหมาะสมในการเป็นตัวแทนของประชาชน" และนั่นทำให้มีประชาชนจำนวนมากที่เห็นด้วย จนทำให้ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2017

ทรัมป์สัญญาว่าจะทำให้สหรัฐฯ "ยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง" (Make America Great Again) ด้วยการสร้างงานให้ชนชั้นกลาง ลดหนี้ของประเทศ และเพิ่มความปลอดภัยตามแนวชายแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก รวมถึงระดมทุนสร้างกำแพงเพื่อป้องกันการเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้เขายังยกเลิกนโยบายที่มุ่งลดมลภาวะและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีค่าใช้จ่ายสูง

ภายใต้การบริหารของทรัมป์ เขาเสนอแผนอนุญาตให้ขุดเจาะและทำเหมืองในพื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ถูกสงวนไว้ในอุทยานแห่งชาติ และลดพื้นที่อนุรักษ์ที่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เพื่อสร้างงานเพิ่มเติม ในช่วงปลายปี 2019 ความโหดร้ายต่อสัตว์ได้กลายเป็นอาชญากรรมระดับชาติภายใต้การบริหารของเขา

ทรัมป์ยังแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯ 3 คน ได้แก่ นีล กอร์ซุช ในปี 2017, เบร็ตต์ คาวานอฟ ในปี 2018 และ เอมี โคนีย์ บาร์เรตต์ ในปี 2020

ประธานาธิบดีที่ถูกฟ้อง

ในปี 2019 มีหลักฐานว่าทรัมป์อาจระงับความช่วยเหลือแก่ยูเครน เพื่อแลกกับข้อมูลทำลายคู่แข่งทางการเมืองของเขา ทำให้เกิดความไม่พอใจในสภาคองเกรส กระทั่งวันที่ 18 ธ.ค.2019 สภาผู้แทนราษฎรลงมติฟ้องร้องทรัมป์ในข้อหาละเมิดอำนาจและขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส วุฒิสภาจัดการพิจารณาคดีและตัดสินให้ทรัมป์อยู่ในตำแหน่งต่อไป

ต่อมา ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2020 ทรัมป์เริ่มหาเสียงเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่ 2 โดยครั้งนั้นคู่แข่งของเขา คือ "โจ ไบเดน" จากพรรคเดโมแครต ที่เคยเป็นรองประธานาธิบดีของ "บารัก โอบามา" การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั้งทรัมป์และไบเดนต้องหาเสียงในช่วงที่มีโรคระบาดร้ายแรง ในขณะที่ทรัมป์ยังคงจัดการชุมนุมหาเสียง ไบเดนเลือกที่จะสื่อสารกับผู้สนับสนุนผ่านการหาเสียงออนไลน์

จนกระทั่งวันเลือกตั้งมาถึง เมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลง "โจ ไบเดน" ได้รับการประกาศเป็นผู้ชนะโดยได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน 81 ล้านเสียง ขณะที่ทรัมป์ได้ประมาณ 74 ล้านเสียง และได้รับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 306 ต่อ 232 คะแนน (ผู้ชนะต้องได้ 270 คะแนน) ทำให้ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 10 ที่ดำรงตำแหน่งเพียงสมัยเดียว

หลังการเลือกตั้งปี 2020 ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ และกล่าวว่าเขาชนะการเลือกตั้ง แม้ว่าไม่มีหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวของเขา เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 ขณะที่สภาคองเกรสอยู่ในระหว่างการนับคะแนนเลือกตั้ง ผู้ประท้วงที่สนับสนุนทรัมป์ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย หลังจากตำรวจยึดคืนอาคารได้ สภาคองเกรสได้ประกาศให้ โจ ไบเดน และ คามาลา แฮร์ริส เป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ

นับตั้งแต่ออกจากตำแหน่ง ทรัมป์ยังคงครองความยิ่งใหญ่ในพรรครีพับลิกันและได้รับการเสนอชื่ออีกครั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ในเดือน พ.ค.2024 คณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินให้ทรัมป์มีความผิดใน 34 กระทงความผิดฐานปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินปิดปากให้ "สตอร์มี แดเนียลส์" กับข่าวเรื่องทุจริตเลือกตั้งเมื่อปี 2016

ทำให้เขาเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา เขาถูกตั้งข้อกล่าวหาในเขตอำนาจศาลอื่นอีก 3 แห่งใน 54 กระทง ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเอกสารลับอย่างไม่ถูกต้องและความพยายามพลิกกลับการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ในกระบวนการทางแพ่ง ทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศและหมิ่นประมาทในปี 2023 หมิ่นประมาทในปี 2024 และ ฉ้อโกงทางการเงินในปี 2024

Come Back Again!

และในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 แม้ผลโพลก่อนวันเลือกตั้งจากหลายสำนักทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก ต่างออกมาในแนวทางเดียวกันว่า ผู้ที่จะคว้าชัยชนะ เส้นทางสู่ทำเนียบขาวน่าจะเป็น คามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต แต่ในที่สุด โดนัลด์ ทรัมป์ กลับเป็นผู้ที่เดินกลับเข้าสู่ห้องทำงานรูปไข่อีกครั้ง หลังคว้าคะแนนที่ 267 มาได้ขณะที่แฮร์ริสได้คะแนน 224 และประกาศชัยชนะทันที

Welcome Back again to the Oval office Mr.President, Donald Trump 

อ่านข่าว :

เลือกตั้งสหรัฐฯ 101 ไขทุกข้อสงสัยศึกใหญ่เส้นทางสู่ทำเนียบขาว

เพนซิลเวเนีย สมรภูมิสำคัญชี้ชะตา "ทรัมป์-แฮร์ริส"

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง