ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ฝุ่นพิษ PM 2.5 ฆาตกรเงียบ เบื้องหลังโรคหลอดลมอักเสบ

สังคม
9 ม.ค. 68
14:34
6,663
Logo Thai PBS
ฝุ่นพิษ PM 2.5 ฆาตกรเงียบ เบื้องหลังโรคหลอดลมอักเสบ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
PM 2.5 ภัยเงียบที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ "หลอดลมอักเสบ" ปัญหาใหญ่ในประชากรที่อาศัยในพื้นที่มลพิษสูง การรับมือต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล พัฒนาเทคโนโลยีลดมลพิษ แลบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น

ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือที่เรียกกันว่า PM 2.5 เป็นหนึ่งในมลพิษทางอากาศที่มีอันตรายสูงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ การสูดดม PM 2.5 ในระยะยาวสามารถกระตุ้นให้เกิด "โรคหลอดลมอักเสบ" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตลดลงและในบางกรณีอาจถึงขั้นเสียชีวิต 

แหล่งกำเนิดของ PM 2.5 มีหลากหลาย ทั้งจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น การขนส่งทางถนน โรงงานอุตสาหกรรม การเผาขยะ หรือแม้กระทั่งการเผาป่าในพื้นที่ชนบท ฝุ่นเหล่านี้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานานและแพร่กระจายได้ไกลจากแหล่งกำเนิด

กลไกการเกิดหลอดลมอักเสบจาก PM 2.5

PM 2.5 มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากฝุ่นละอองชนิดนี้สามารถเข้าสู่หลอดลมและก่อให้เกิดการอักเสบในเนื้อเยื่อที่บุผิวหลอดลม นอกจากนี้ ฝุ่นละอองยังสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ตอบสนองมากเกินไป ส่งผลให้เกิดการหลั่งสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ไอเรื้อรัง เกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีเสมหะ
  • เจ็บคอ รู้สึกแสบร้อนหรือคันคอ
  • หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หายใจติดขัด
  • แน่นหน้าอก รู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอก
  • เสียงแหบแห้งเปลี่ยนไปจากปกติ

กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดหลอดลมอักเสบจาก PM 2.5

  • เด็กเพราะมีระบบทางเดินหายใจที่ยังไม่แข็งแรง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่
  • ผู้สูงอายุมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่า จึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย
  • ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จะมีอาการแย่ลงเมื่อสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5
  • ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง จะได้รับฝุ่น PM 2.5 ในปริมาณที่สูงกว่าคนทั่วไป

ในผู้ป่วยที่สัมผัส PM 2.5 ในปริมาณสูงและต่อเนื่อง หลอดลมอักเสบเรื้อรังอาจพัฒนาเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดลมตีบและมีการทำงานของปอดลดลงอย่างถาวร นอกจากนี้ การอักเสบในหลอดลมยังทำให้มีการหลั่งเสมหะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก และแน่นหน้าอก

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบว่าในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง เช่น กรุงเทพมหานคร หรือ เชียงใหม่ อัตราผู้ป่วยหลอดลมอักเสบเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากนี้ โรงพยาบาลรัฐหลายแห่งรายงานว่ามีผู้ป่วยหลอดลมอักเสบเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นกว่า 15,000 รายในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด

นอกจากนี้ PM 2.5 ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่หลอดลมอักเสบ แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดบวม และโรคหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว การสัมผัส PM 2.5 เป็นระยะเวลานานสามารถลดอายุขัยเฉลี่ยและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคเรื้อรัง

ป้องกันหลอดลมอักเสบจาก PM 2.5 ได้ทางไหนบ้าง

  • ตรวจสอบคุณภาพอากาศ โดยการใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 หากพบว่าค่าฝุ่นสูง ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  • สวมหน้ากากป้องกัน ให้เลือกใช้หน้ากาก N95 หรือหน้ากากที่สามารถกรอง PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในบ้านหรือที่ทำงาน ควรมีเครื่องฟอกอากาศที่มีฟิลเตอร์ HEPA เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นในอากาศ ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่น PM 2.5 เข้ามาในบ้าน
  • เสริมสร้างสุขภาพปอด ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการเลี่ยงสารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดหลอดลมอักเสบได้ 
  • ดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้หลอดลมชุ่มชื้นและขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • พบแพทย์ หากมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

ที่มา : กรมควบคุมมลพิษ, องค์การอนามัยโลก, กระทรวงสาธารณสุข

อ่านข่าวอื่น :

"ชัชชาติ" ชี้กทม.จมฝุ่นถึง 13 ม.ค.นี้ อากาศปิด-เผาพื้นที่เกษตร

เตือน 6-10 ม.ค.นี้ ลมหนาวมา "ฝุ่นจิ๋ว" พุ่งแจ้ง 15 จังหวัดงดเผา

กทม.จมฝุ่น PM 2.5 เช้านี้เกินมาตรฐานทุกพื้นที่ ระดับสีแดง 3 เขต 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง