วันนี้ (26 ม.ค.2568) นายสมควร ต้นจาน ผอ.กองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา บอกกับ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ว่า สภาพอากาศที่เห็นมีความผสมผสานระหว่าง “หมอก” และฝุ่น PM 2.5 เหตุผลที่ต้องบอกแบบนี้ เพราะปรากฎการณ์หมอกหนามากในช่วงเช้า เกิดขึ้นจนถึงสายในช่วงไม่เกินเวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ กทม.มีความชื้นสูง 90-100% ประกอบกับลมหนาวจากจีนเริ่มหดกลับทำให้อุณหภูมิอุ่นขึ้น จนเกิดการผกผันกลับของอุณหภูมิระดับด้านล่างจนเห็นเป็นหมอกคลุมที่ระดับการมองเห็นเพียง 10-20 เมตร
เหตุผลที่ กทม.เช้านี้ มองเห็นหมอกหนาได้ชัดเจนมาก ๆ เพราะมีความชื้นในอากาศสูงสุด 90-100% ทำให้เกิดหมอกลงจัดในเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดในภาคกลาง
นายสมควร บอกอีกว่า วิธีการแยกระหว่างหมอกหนากับฝุ่น PM 2.5 คือ หมอกจะเกิดในช่วงเวลาเช้า มีระดับการมองเห็น 10-20 เมตร และสัมผัสได้ถึงความชื้น และจะจางหายไปเมื่ออากาศอุ่นขึ้นในตอนสาย ส่วนฝุ่น PM 2.5 จะทำให้สภาพอากาศขมุกขมัว ฟ้าเป็นสีจางและฝุ่นลอยตัวในระดับอากาศที่สูงกว่า โดยเฉพาะหากอากาศปิดและอากาศนิ่ง จะเห็นชัดเจนบริเวณริมถนน
คาดว่า 27 ม.ค. คน กทม.ก็ยังเจอกับหมอกหนาตอนเช้าได้ รวมทั้ง PM 2.5 ซึ่งแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับสีส้ม คาดว่าจะมีอากาศที่หายใจคล่องขึ้นช่วง 29-30 ม.ค.นี้
ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ เครื่องบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก A380 ต้องมาลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง หลังลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ได้ เนื่องจากมีหมอกและฝุ่น ส่งผลให้ทัศนวิสัยต่ำ
ภาพ : Wingtips
อ่านข่าว : วิ่งลุยฝุ่น! เช็ก 12 พื้นที่ PM 2.5 กทม.ยังวิกฤตเกิน 2 เท่า
ทั่วไทย กลับมาหนาวอีกครั้ง อุณหภูมิลดลง 1-5 องศาฯ
ปิดฉาก 20 ปี “สตรีแห่งขุนเขา” จับสามีชาวอังกฤษต้องสงสัยฆ่าลำดวน