"กัณวีร์" แนะคัดกรอง "ผู้เสียหาย" แก๊งคอลเซนเตอร์ ช่วยสกัดขบวนการค้ามนุษย์

การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในไทย ที่สามารถช่วยเหลือชาวต่างชาติ ที่ถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ในฝั่งประเทศเมียนมา บริเวณบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก

วันนี้ได้มีการช่วยเหลือมาทั้งหมด 261 คน ซึ่งกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายในกรณีถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นการแยกผู้เสียหายออกจากผู้กระทำผิด

• ตร.เตรียมคัดกรอง 3,700 รายชื่อชาวจีน เอี่ยวแก๊งคอลเซนเตอร์หรือไม่
• "ดีเคบีเอ" ปฏิเสธเอี่ยวค้ามนุษย์-หลอกลวงไซเบอร์

ล่าสุด วันนี้ (17 ก.พ.2568) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ผ่านรายการ "มุมการเมือง ทางไทยพีบีเอส โดยกล่าวว่า กระบวนการคัดกรองและเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism-NRM) นั้นถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการคัดกรองโดยสหวิชาชีพ มากกว่าการคัดกรองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงอย่างเดียว

คัดกรองเข้มงวด - แนะอย่าชี้นำ 

นายกัณวีร์ มองว่า กลไกการคัดแยกการค้ามนุษย์ในกระบวนการ NRM ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยกระบวนการดังกล่าวเป็นขบวนการของสหวิชาชีพ

ต้องร่วมกันพิจารณาว่า บุคคลใดจะเป็นผู้เสียหายจากขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งไม่สามารถพิจารณาได้ด้วยเพียงวิชาชีพเดียว โดยเฉพาะตำรวจซึ่งจะมองในมุมของการกระทำผิดกฎหมายเช่น ความผิดการเข้าเมือง การค้ามนุษย์ หรือ อุ้มหาย

พบ สมัครใจมาแต่ถูกหลอกทำงาน 

แต่ในมุมมองของต่างประเทศนั้นมีเองเรื่องของ "กระบวนการนำพา และการค้ามนุษย์"  ซึ่งย้ำมาต่อเนื่องว่าจะต้องมองอย่างเชื่อมโยงกัน ไม่สามารถมองแยกส่วนได้ โดยขบวนการค้ามนุษย์นั้น ผู้เสียหายจะถูกทารุณกรรม ทำร้าย ซึ่งขบวนการที่ทำให้คนเหล่านี้ถูกค้ามนุษย์นั้นมีการนำพา หลอกลวง ล่อหลอก ต่างๆ เช่นการบอกว่า คุณจะได้เงินเท่านี้ ได้ทำงานที่ประเทศนี้

กรณีชาวบราซิล 2 คน เขาถูกบอกว่าจะมาทำงานที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยจะได้เงินเดือน 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ เพราะพาสปอร์ตของเขา สามารถมาได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งเมื่อเขาถูกส่งไปแม่สอดก็ถูกส่งข้ามไปฝั่งเมียนมา เพราะอยู่ใกล้กัน ถามว่าตั้งใจมามั้ย เขาบอกว่า ตั้งใจมาทำงานที่ อ.แม่สอด แต่ไม่ได้สมัครใจไปทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ หรือ สแกมเมอร์ ที่ฝั่งเมียนมา ถูกบอกให้มาทำงาน Customer service (การบริการลูกค้า) 

ดังนั้น เราต้องใช้ความร่วมมือจากหลายกระทรวงมาร่วมกันทำงาน โดยทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาร่วมพิจารณาว่า เขาเป็นผู้เสียหายหรือไม่ใช่ผู้เสียหาย

แต่เมื่อตำรวจชี้ว่า ไม่ใช่ 1 % แต่เป็นเพียง 1คน ที่ตกเป็นผู้เสียหายจากกระบวนการค้ามนุษย์ จากทั้งหมด 261 คน นอกนั้นสมัครใจมาเอง “คำว่าสมัครใจมาเอง ต้องไปดูด้วยมาถูกหลอกมาหรือเปล่า ซึ่งหากบอกว่า สมัครใจมาเองไม่ใช่ผู้เสียหายแล้ว นั้นเป็นการชี้นำ กลไก NRM 

นายกัณวีร์ กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐชี้มาเช่นนั้น จึงทำให้สังคมมองว่า ผู้ได้รับความเสียหายเหล่านี้เป็นสแกมเมอร์ โดยตนเองยืนยันว่า ผู้ที่กระทำผิดจะต้องรับโทษเช่นกัน แต่การทำเช่นนี้ เป็นการด้อยค่าการนำพาและการค้ามนุษย์ ทำให้อาชญากรรมข้ามชาติถูกเพิกเฉยไปได้

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม

ทำให้สังคมมองว่า คนเหล่าเป็นคนที่มาหลอกลวงคนอื่น โดยลืมไปว่าคนเหล่านี้ถูกหลอกไป ถูกบังคับ ถูกทารุณกรรม ถูกข่มขู่ และยังใช้เป็นอาชญากรรมทางเพศอีกซึ่งต้องลงลึกในเรื่องนี้

ณ ปัจจุบัน จีนเทา จีนดำ ที่ถูกจับกุม ขณะนี้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน ทั้งพญาตองซู ชเวก๊กโก เมียวดี ดีเคบีเอ ขณะนี้ถูกเคลื่อนย้ายไป คนกลุ่มนี้ต่างหากที่ต้องถูกฟันธงและถูกดำเนินคดีไม่สามารถส่งไปประเทศจีนโดยตรงได้ คุณใช้ไทยเป็นประเทศทางผ่าน ใช้ฟรีวีซ่าเข้ามาแล้วหลอกคนเข้าไทยผ่านไปเมียนมา

แนะไทย เก็บข้อมูล "ผู้ต้องหาจีน" สกัดค้ามนุษย์

นายกัณวีร์ ยังกล่าวว่า กรณีของ "หลิว จงอี" ผช.รมต.จีน ที่บอกว่า หลังจากนี้ไปจะนำคนจีนเหล่านี้กลับไปจีนทันที ซึ่งไทยมีกฎหมายของไทยเพราะคนเหล่านี้ใช้ไทยเป็นทางผ่าน ซึ่งไทยต้องไม่ยอมเพราะไทยก็มีกฎหมายของไทย

ดังนั้นการตรวจสอบให้ถูกต้อง คือการสัมภาษณ์ผู้เสียหายโดยตรงโดยสหวิชาชีพ รวมถึงการตรวจร่างกายผู้เสียหายที่ถูก รวมถึงจำเป็นที่จะต้องได้ข้อมูล คือ พื้นที่ที่คนเหล่านี้อยู่เป็นที่อยู่เป็นสแกมเมอร์จริงหรือไม่ และกระบวนการ CBC ใช้ได้เพียงพอหรือไม่ เพราข้อมูลแต่พื้นที่ทางการเมียนมาอาจไม่เพียงพอ ซึ่งจำเป็นต้องคุยกับกองกำลังต่าง ๆ อย่างละเอียดถึงพิกัดและสถานที่ ซึ่งอาจมีข้อมูลจากกลุมผู้เสียหายเท่านั้น

ผู้เสียหายเหล่านี้เต็มที่รู้จักแค่บอส ไม่รู้จักชื่อจริงแต่ไม่รู้จักตัวการใหญ่ จากการคุยผู้เสียหาย 50 คน จะบอกได้แค่นี้

นายกัณวีร์ ยังกล่าวว่า ข้อดี ณ ขณะนี้คือ หลังจากการช่วยเหลือผู้เสียหายกว่า 260 คนมาแล้ว มีการแข่งขันช่วยเหลือผู้เสียหายจากทั้งจากกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ผู้ควบคุมพื้นที่เมืองเมียวดี และกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) ในการทำลายแก๊งคอลเซนเตอร์

เมื่อวานนี้ได้จับแก๊งคอลเซนเตอร์จับไปราว 200 คน เป็นชาย 194 คน หญิง 6 คน คนเหล่านี้เป็นขบวนการค้ามนุษย์ หากได้ข้อมูลจากการจับกุมคนเหล่านี้ก็สามารถมีข้อมูลมากขึ้น ไม่ใช่เพียงการปล่อยตัวให้ทางการจีนกลับไปเท่านั้น โดยไม่ได้ข้อมูลใด ๆ เลย

ยังไม่รวมพื้นที่อื่น ๆ ที่มีชาวจีนเหล่านี้อีกทั้ง จ.สมุทรปราการ หรือ ชายแดน ปอยเปต ซึ่งยังไม่มีหากปล่อยไปจะมีข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งไทยมีกฎหมายในการสอบสวน ซึ่งจะนำมาซึ่งได้การข้อมูลเพิ่มเช่นกัน 

นายกัณวีร์ ยังมองว่า ไทยเข้มได้มากกว่านี้ หากกล้าพอ ขณะนี้ยังไม่เห็นความกล้าหาญ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องรับฟังรัฐบาล แต่ยังไม่เห็นความกล้าหาญของรัฐบาลว่า กลุ่มนี้เป็นกลุ่มอะไรบ้าง แต่ที่จเรตำรวจบอกว่า การกระทำเจ้าหน้าที่บอกว่ามีเพียง 1 คนที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ถูกหลอก นั้นจะเป็นการตั้งธงของรัฐบาลว่าต้องการจะดีลอะไรกับรัฐบาลจีน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าทำอะไร ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไม่แสดงท่าทีออกมา เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ 

ไทยเข้มได้มากกว่านี้ หากกล้าพอ ขณะนี้ยังไม่เห็นความกล้าหาญ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องรับฟังรัฐบาล แต่ยังไม่เห็นความกล้าหาญของรัฐบาล

บทบาทของไทยถ้าไม่ดึงศักยภาพให้สูงมากกว่านี้ก็จะถูกมองว่า เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซนเตอร์หรือการค้ามนุษย์หรือไม่ ซึ่งจะกระทบกับความเชื่อมั่นของไทย เพราะไทยไม่สามารถแสดงได้ว่าต่อสู้กับการค้ามนุษย์พวกนี้

ไทยควรดึงความร่วมมือระหว่างต่างประเทศเข้ามาได้โดยไทยจะเป็นผู้นำการแก้ปัญหาทั้งค้ามนุษย์และการนำพา โดยใช้ความสามารถทางการทูตเข้ามาแก้ไขปัญหานี้

 

อ่านข่าว : "กัณวีร์" จี้รัฐบาลเร่งแก้ "แก๊งคอลเซนเตอร์" อย่าปล่อยจีนข้ามไปมา-เมียนมา 

"หลิว จงอี" พบ "หม่อง ชิตตู"ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์เมียนมา  

"หลิว จงอี" ลุยแม่สอด เตรียมรับคนจีนจากเมียวดีกลับประเทศ