วันนี้ (19 ก.พ.2568) เฟซบุ๊ก Tensia โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ หญิงสาววัย 34 ปี ประสบอาการเหนื่อยหอบและเจ็บหน้าอกขวาอย่างรุนแรง ทันทีหลังจากที่ประจำเดือนมา ซึ่งอาการเหล่านี้กลับเกิดขึ้นในช่วงที่เธอเคยมีประสบการณ์ปอดขวาทะลุมาหลายครั้งในอดีต แพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีภาวะ "Catamenial Pneumothorax" หรือปอดทะลุที่เกี่ยวข้องกับภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ที่กระจายไปถึงปอด
ทำให้เกิดภาวะปอดทะลุซ้ำซ้อนในช่วงมีประจำเดือน การตรวจด้วยการส่องกล้องพบว่าเยื่อบุมดลูกมีการกระจายไปทั่วผิวกะบังลมและปอด ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและทำลายปอดจนทะลุได้ การรักษาโดยการผ่าตัดและการใช้วิธีการระบายลมออกจากเยื่อหุ้มปอดสามารถบรรเทาอาการนี้ได้ชั่วคราว

ที่มา : เฟซบุ๊ก Tensia
ที่มา : เฟซบุ๊ก Tensia
รู้จัก "โรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)"
เป็นโรคที่เกิดจากการที่เนื้อเยื่อที่ปกติจะอยู่ภายในมดลูก (เยื่อบุมดลูก) เติบโตผิดที่นอกมดลูก โดยส่วนใหญ่พบการเจริญเติบโตนี้ในบริเวณรังไข่หรือในอุ้งเชิงกราน แต่ในบางกรณีอาจขยายไปถึงอวัยวะอื่น ๆ เยื่อบุมดลูกที่เจริญผิดที่จะตอบสนองต่อฮอร์โมนประจำเดือนเหมือนเยื่อบุมดลูกในมดลูก ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่การสะสมของเลือดและการปวดตามจุดที่มันเจริญขึ้น
สถิติการเกิดโรค มีประมาณร้อยละ 10-15 ของผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) ส่วนใหญ่จะเกิดกับ ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวของโรคนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการ ผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดช่องท้องหรือการติดเชื้อในช่องท้องก็มีโอกาสสูง
โรคนี้สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้หญิงได้อย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของอาการปวดประจำเดือนหรืออาการปวดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ อาจรุนแรงมากถึงขั้นทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สำหรับสาเหตุที่ชัดเจนของภาวะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันในทางการแพทย์ แต่ทฤษฎีหลัก ๆ ที่อธิบายการเกิดภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ได้แก่
1.Retrograde Menstruation Theory (Sampson Theory) ทฤษฎีนี้เสนอว่าเลือดประจำเดือนจากมดลูกย้อนกลับผ่านท่อรังไข่และไหลเข้าไปในช่องท้อง ซึ่งอาจมีเซลล์เยื่อบุมดลูกที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตและฝังตัวในช่องท้อง ส่งผลให้เกิดภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ในพื้นที่อื่น เช่น ผิวช่องท้อง หรือรังไข่ ผู้หญิงที่มีภาวะการติดเชื้อเรื้อรังในช่องท้องหรือโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ มักจะพบภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เนื่องจากการไหลย้อนของเลือดประจำเดือน
2.Coelomic Metaplasia Theory ทฤษฎีนี้อธิบายว่าเยื่อบุในช่องท้องบางประเภท เช่น เยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum) อาจเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อมดลูก ภายใต้ปัจจัยบางอย่าง เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือการอักเสบที่รุนแรง ผู้หญิงที่เคยได้รับการผ่าตัดช่องท้องหรือมีการบาดเจ็บในช่องท้อง อาจพบการเจริญผิดที่ของเนื้อเยื่อมดลูกในเยื่อบุช่องท้องหลังจากการบาดเจ็บ

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
3.Müllerian Remnants Theory ทฤษฎีนี้กล่าวถึงการที่เนื้อเยื่อจากท่อ Müllerian ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนามดลูกในระยะแรกไม่ฝ่อหายไปทั้งหมด และสามารถพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อมดลูกในบริเวณที่ไม่ปกติ ผู้หญิงที่มีมดลูก 2 ชั้นหรือมีความผิดปกติในการพัฒนาของท่อ Müllerian อาจพบภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ในอวัยวะที่ผิดปกติ เช่น ผิวช่องท้องหรือลำไส้
4.Halban’s Theory เชื่อว่าเนื้อเยื่อมดลูกสามารถแพร่กระจายไปตามกระแสเลือดหรือน้ำเหลืองคล้ายกับการแพร่กระจายของมะเร็ง แต่ในกรณีนี้เป็นการแพร่กระจายของเนื้อเยื่อมดลูก ผู้หญิงที่มีการบาดเจ็บจากการผ่าตัดช่องท้องหรือมีมะเร็งมดลูกที่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ อาจพบการแพร่กระจายของเนื้อเยื่อมดลูกไปยังอวัยวะที่ไม่เกี่ยวข้อง
อวัยวะที่เยื่อบุมดลูกสามารถเจริญผิดที่
- รังไข่ เป็นบริเวณที่พบได้บ่อยที่สุด อาจเกิดเป็นถุงน้ำที่เรียกว่า Chocolate cyst
- ผิวเยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum) เป็นพื้นที่ที่เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่บ่อย ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง
- ลำไส้ใหญ่หรือกระเพาะปัสสาวะ การเจริญผิดที่ในอวัยวะเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการปวดในขณะถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ
- เยื่อหุ้มปอด (Pleura) การเจริญผิดที่ในเยื่อหุ้มปอดอาจทำให้เกิดอาการปวดหน้าอกหรือหายใจลำบาก
- สมอง : เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ในสมองมีรายงานน้อยมาก แต่มักจะทำให้เกิดอาการเช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
การรักษา
เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เป็นโรคที่สามารถรักษาได้ แต่ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์และมีการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละกรณี การดูแลที่ดีสามารถช่วยลดอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
1.รักษาด้วยยา
- ยาคุมกำเนิด ช่วยลดการเติบโตของเนื้อเยื่อมดลูกที่ผิดที่
- ยาลดการอักเสบ เช่น NSAIDs เพื่อบรรเทาอาการปวด
- ยาฮอร์โมน เช่น GnRH agonists ที่ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเพศหญิง
2.รักษาด้วยการผ่าตัด
- ผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopy) เพื่อลบเนื้อเยื่อมดลูกที่ผิดที่
- ผ่าตัดเนื้อเยื่อมดลูกที่เจริญผิดที่จากรังไข่หรือท่อนำไข่
3.รักษาด้วยวิธีทางเลือก เช่น การใช้สมุนไพร แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
นักวิจัยชาวเลบานอน ศึกษาว่า ผู้หญิงที่เป็นโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่จะส่งผลต่อสุขภาพจิตและทำให้คุณภาพชีวิตลดลง ในแง่ของความพึงพอใจของคู่รัก ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความเครียด ความอยากอาหารลดลง ข้อเสนอแนะคือ คู่รักควรทำความเข้าใจกับปัญหาที่ผู้หญิงเจอ และให้กำลังใจเพื่อลดอาการเครียดทางจิตใจ รวมถึงให้ความร่วมมือหากฝ่ายหญิงร้องขอให้พาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ที่มา :
American Society for Reproductive Medicine (ASRM) – www.asrm.org
PubMed, National Library of Medicine – pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
Journal of Minimally Invasive Gynecology
The American Journal of Obstetrics and Gynecology
อ่านข่าวอื่น :
"ทะเบียนบ้านกลาง" คืออะไร กับเรื่องที่ต้องรู้
เบื้องหลังปัญหา "อิสราเอลยึดปาย" เสียงสะท้อนคนพื้นที่ต้องเผชิญ