วันที่ 4 มี.ค.2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาหัวข้อ โอกาสและความท้าทายในภูมิทัศน์โลก ในโอกาสเป็นประธานผลการตัดสินข่าวและภาพข่าวยอดเยี่ยมรางวัล "อิศรา อมันตกุล" และรางวัลข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยตอนหนึ่งระบุถึงประเด็นรัฐบาลไทยส่งกลับชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนที่กำลังมีปัญหากับประชาคมโลก ว่าไทยดูแลมา มา 11 ปีแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งช่วง 2-3 ปีแรก ได้เสนอให้ยูเอ็นเอชซีอาร์รับเป็นผู้ลี้ภัย ขณะที่ประเทศตุรกีตอบรับเฉพาะชาวอุยกูร์เป็นผู้หญิง เด็กคนชรา
ในวันสุดท้ายที่ตนพูดกับประเทศมหาอำนาจ ว่ามี 2 หนทางคือส่งกลับประเทศต้นทางตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทางส่งไปประเทศที่สาม ซึ่งต้องเป็นความสัมพันธ์ทางกฎหมายอยากจะรับ มีแค่บอกว่าอุยกูร์น่าสงสารแต่ไม่เคยมีประเทศไหนทำหนังสือมายินยอมว่าจะรับตัว
และเมื่อประเทศจีนระบุว่าเป็นพลเมืองจีนมีที่อยู่ชัดเจน หน้าที่เดียวของไทยคือต้องส่งคืน ซึ่งยูเอ็นเอชซีอาร์ไม่เคยประกาศว่าพวกเขาเหล่านั้นคือผู้ลี้ภัย แต่สถานะคือผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย
ได้พูดคุยกับสหรัฐและประเทศยุโรปว่าประเทศไทยจะยืนในอำนาจอธิปไตยของประเทศไทยและกฎหมายของประเทศไทย และคำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชน ซึ่งหากรู้ว่าอันตรายหรือจะมีความเดือดร้อน หรือมีการซ้อมทรมานห้ามส่งไป ซึ่งทางจีนก็ได้ทำหนังสือยืนยันถึงหลักการสิทธิมนุษยชนดังกล่าว ซึ่งคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้ มีตน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
ซึ่งการส่งอุยกูร์ไปขึ้นเครื่องบินด้วยรถเรือนจำปกติ เมื่อถึงก็มีญาติพี่น้องมารอรับ คนที่ร่างกายไม่แข็งแรงก็ส่งไปรับการรักษา ยืนยันว่าทำทุกอย่างโปร่งใส
ทั้งนี้นายภูมิธรรม ระบุว่าในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ตนพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางไปยังซินเจียงด้วยความรับผิดชอบในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไม่อยากให้ใช้ความกลัวในเรื่องของความเชื่อมาตัดสินเรื่องนี้ ทำให้หลายประเทศ ประกาศห้ามคนเข้าประเทศไทย นอกจากนี้ในวันที่ 5 มี.ค.จะเข้าพบกับทูตเยอรมัน และอีกหลายประเทศคุยเรื่องประเด็นนี้ด้วย
อ่านข่าว :
"กัณวีร์' เรียกร้องรัฐบาลเปิดหลักฐาน "อุยกูร์" สมัครใจกลับจีน
ถกอุยกูร์ เรียกร้องเปิดอัตลักษณ์-กระบวนการส่งกลับ ยืนยันความโปร่งใส