เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2568 แคโรลีน เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ สั่งการชะลอการใช้มาตรการภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับยานยนต์บางส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ หลังจากพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ 3 เจ้า ได้แก่ General Motors, Ford F.N และ Stellantis เพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ไม่เสียเปรียบทางธุรกิจ ขณะที่ยังยืนยันว่ามาตรการภาษีที่จะบังคับใช้ตอบโต้การขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ของประเทศอื่นๆ จะยังเริ่มมีผลในวันที่ 2 เม.ย.นี้
3 บริษัทเรียกร้องให้ทรัมป์ยกเว้นภาษีนำเข้าร้อยละ 25 จากแคนาดาและเม็กซิโก สำหรับรถยนต์ที่เข้าเกณฑ์ตามข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ที่จัดทำขึ้นใหม่เมื่อปี 2563 เพื่อมาใช้แทนข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA เดิม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ในสหรัฐฯ ด้วยหากเข้าเกณฑ์
ก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเสนอเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ แต่ก็ต้องการเห็นความแน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าและสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมที่จะมีผลอีกระลอกในวันที่ 2 เม.ย. ยังอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ในอเมริกาเหนือเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่นระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก โดยชิ้นส่วนต่าง ๆ ข้ามพรมแดนในหลายขั้นตอนของการผลิต ซึ่งอาจทำให้บริษัทรถยนต์ต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าหลายต่อ
"ทรัมป์-ทรูโด" ยกหูสนทนา 50 นาที
นอกจากภาษีรถยนต์แล้ว โฆษกทำเนียบขาว ยังเปิดเผยว่า ทรัมป์ไม่ค่อยพอใจหลังยกหูคุยสายตรงกับจัสติน ทรูโด นายกฯ แคนาดา แม้ว่าการสนทนาทางโทรศัพท์จะจบลงด้วยดี แต่ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า การที่แคนาดาปล่อยให้เฟนทานิลทะลักเข้าพรมแดนสหรัฐฯ ทางตอนเหนือ จะต้องมีมาตรการตอบโต้ เพราะทรัมป์นึกถึงชีวิตที่ต้องสูญเสียไป
ท่าทีดังกล่าวมีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวในแคนาดา ที่ระบุว่า ทรัมป์และทรูโดหารือกันเป็นเวลาถึง 50 นาทีเมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) ขณะที่คณะทำงานจากทั้ง 2 ประเทศจะหารือกันต่อไป แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่น ซึ่งในการสนทนาครั้งนี้ระหว่าง 2 ผู้นำ มี รอง ปธน. เจ.ดี. แวนซ์ และรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ร่วมหารือด้วย
ท่ามกลางการบังคับใช้มาตรการทางภาษี ที่น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยทั่วไป ผลสำรวจที่จัดทำโดย Reuters/Ipsos เผยว่า มีชาวอเมริกันเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ที่พอใจกับการรับมือปัญหาค่าครองชีพของผู้นำสหรัฐฯ
ในภาพรวม ทรัมป์คะแนนความพึงพอใจร้อยละ 44 ในการบริหารประเทศ ยังสูงกว่าโจ ไบเดน ในช่วงครึ่งหลังของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ในประเด็นค่าครองชีพ ความนิยมของทรัมป์ตกลงมาเหลือแค่ร้อยละ 31 ลดลงร้อยละ 3 จากการสำรวจเมื่อวันที่ 21-23 ก.พ. ก่อนบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้า ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 54 ที่ไม่พอใจในเรื่องนี้
ขณะที่ในประเด็นอื่น ๆ เช่น เศรษฐกิจ นโยบายการต่างประเทศ และการทุจริต ทรัมป์ได้คะแนนความพึงพอใจไม่ถึงร้อยละ 40 แต่จะมีเรื่องที่ได้คะแนนสูง คือการปราบปรามผู้อพยพที่ได้ไปถึงร้อยละ 49
ผลสำรวจนี้ใช้เวลาสอบถามผู้เข้าร่วม 2 วัน ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

สหรัฐฯ ระงับส่งข้อมูลข่าวกรองให้ยูเครน
ไมค์ วอลท์ซ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯ ถอยหลังหนึ่งก้าวในการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองให้แก่ยูเครน โดยตอนนี้กำลังหยุดและกำลังทบทวนความสัมพันธ์ด้านข่าวกรองกับยูเครนในทุกแง่มุม พร้อมทั้งเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์คุยกับที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของยูเครน และมีการสนทนาที่ดีต่อกันในเรื่องสถานที่และเนื้อหาของการเจรจารอบต่อไป และเชื่อว่าจะมีความเคลื่อนไหวในเร็ว ๆ นี้
วอลท์ซ เปิดเผยกับสำนักข่าวฟ็อกซ์ นิวส์ ด้วยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ จะพิจารณากลับไปให้ความช่วยเหลือยูเครนอีกครั้ง หากมีการจัดการเจรจาสันติภาพ และมีการดำเนินมาตรการสร้างความเชื่อมั่น แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียด
ขณะที่แหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับเรื่องนี้ เปิดเผยว่า รัฐบาลทรัมป์ระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองทุกอย่าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่ยูเครนใช้ในการโจมตีเป้าหมายรัสเซีย ขณะที่แหล่งข่าวอีกแหล่งหนึ่ง ระบุว่า สหรัฐฯ ระงับการแบ่งปันข้อมูลเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ไม่ได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติม
การสั่งระงับข้อมูลข่าวกรองให้ยูเครนน่าจะกระทบต่อความสามารถในการต่อสู้ของยูเครนอย่างหนัก โดยความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากทรัมป์สั่งระงับการให้ความเหลือทางทหารแก่ยูเครนไปก่อนหน้านี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทรัมป์ที่หันมาใช้วิธีเด็ดขาดกับชาติพันธมิตร หลังเปลี่ยนจุดยืนและเริ่มหันไปปรองดองกับรัสเซียแทน และยังเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ยูเครนยอมเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วย
วิธีนี้ดูเหมือนจะได้ผล หลังทรัมป์เปิดเผยระหว่างแถลงต่อสภาคองเกรสว่าโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน ส่งจดหมายถึงตน และแสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเร็วที่สุด เพื่อนำสันติภาพที่ยั่งยืนมาสู่ประเทศและย้ำว่าไม่มีใครต้องการสันติภาพไปมากกว่ายูเครน และยูเครนพร้อมที่จะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐฯ ทรัมป์ เปิดเผยด้วยว่า ตนได้หารือกับรัสเซียอย่างจริงจัง และได้รับสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัสเซียพร้อมที่จะบรรลุสันติภาพ
ขณะที่โฆษกรัฐบาลออกมาระบุว่า รัสเซียมองว่าการที่ผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงผู้นำสหรัฐฯ และแสดงความมุ่งมั่นที่จะเจรจา เป็นเรื่องดี แต่ยังไม่แน่ชัดว่าว่าจะทำได้อย่างไร เนื่องจากยูเครนมีกฎหมายห้ามเจรจากับรัสเซีย
ขณะที่ล่าสุด เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศว่าจะจัดการประชุมผู้บัญชาการทหารยุโรปประเทศต่าง ๆ (European army chiefs) ที่กรุงปารีสในสัปดาห์หน้า พร้อมทั้งระบุว่ายุโรปกำลังอยู่ในยุคใหม่ และจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม
อ่านข่าวเพิ่ม :
หุ้นร่วงหนัก! ทรัมป์แถลงสภาฯ ยืนยันขึ้นภาษี ตัดงบ จุดยืนยูเครน