หุ้นไทยครึ่งแรกปี 58 ร่วง 200 จุดไม่ปกติ สะท้อนศก.ขาลง แนะเก็บเงินสดติดตัว-ลงทุนกระจายความเสี่ยง
จากกรณี หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของไทย (SET INDEX) ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 200 จุด ในช่วงเกือบ 7 เดือนแรกของปี 2558 โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุดวันที่ 4 ก.พ. 2558 อยู่ที่ 1,619.77 จุด และปิดตลาดวานนี้ (29 ก.ค. 2558) ดัชนีอยู่ที่ 1,417.49 จุด บวก 9.42 จุด หรือ 0.67% มูลค่าซื้อขายรวม 35,397 ล้านบาท นั้น
วันนี้ (30 ก.ค. 2558) นายณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยปรับตัวลดลงทั้งตลาดอย่างเนื่องตั้งแต่ต้นปี มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการที่สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ทุ่มเม็ดเงินเข้ามาในระบบจนล้น และเกิดเป็นภาวะเก็งกำไรในทรัพย์สินทุกประเภท ทั้งทองคำ พันธบัตร น้ำมัน และหุ้น จนทำให้การขึ้น-ลงของราคาเกินความเป็นจริง หรือกรณีที่ประเทศกรีซไม่รับมาตรการรัดเข็มขัดจากเจ้าหนี้อย่างธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมถึงปัญหาวิกฤตภัยแล้งภายในประเทศและการส่งออกหยุดชะงัก ทำให้นักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นไม่น่าสนใจ กอรปกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น จึงมีการย้ายฐานการลงทุนไปที่ตลาดดังกล่าว
นายณัฐวัฒน์กล่าวเพิ่มว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ถือว่าไม่ปกติ สะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยไม่ค่อยดี และมีแนวโน้มจะชะลอการเติบโตใน 2-3 ปีข้างหน้า ส่งผลให้วางแผนการลงทุนลำบากเพราะตลาดหุ้นจะปรับลดแบบค่อย ๆ ซึมลง แต่จะไม่ไหลลงแรงขนาด 400-800 จุด อย่างที่เคยเป็นในอดีต เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ชาวต่างชาติถอนเงินจากไทยไปลงทุนในประเทศอื่น ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ของไทยมีการเตรียมพร้อมในเรื่องนี้อย่างเข้มแข็ง อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวอาจกระทบต่อภาคการเกษตร ที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่อให้เฉพาะรายที่แน่ใจว่าไม่ขาดทุน ทำให้ในภาพรวมของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไม่ขยายตัว
“จากสถานการณ์ในข้างต้นการมีเงินสดติดตัวไว้เป็นเรื่องสำคัญ จึงแนะนำให้เก็บเงินสดไว้ร้อยละ 50 และอีกครึ่งที่เหลือให้แบ่งความเสี่ยงลงทุนกับหุ้น ทองคำ และพันธบัตร โดยหุ้นต้องเป็นตัวที่ให้เงินปันผลสม่ำเสมอร้อยละ 3-5 เน้นที่กลุ่มการสื่อสารและอุปโภคบริโภค และไม่ควรลงทุนในกลุ่มธนาคารหรือพลังงานที่มีความผันผวน ส่วนทองคำคาดว่าราคาจะลงแตะที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สำหรับกลุ่มที่มีสายป่านยาวแนะนำให้ซื้อเก็บไว้ เนื่องจากราคาจะทรงตัวไปอีก 2-3 ปี” ผอ.ฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุ
ด้าน นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า SET INDEX จะฟื้นตัวได้เหรือไม่ ให้ดูประเด็นสำคัญคือผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ก.ค. 2558) โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงอาจทำให้วันศุกร์ที่ 31 ก.ค. 2558 มีแรงขายเข้ามาบ้างแต่เป็นเพียงระยะสั้น และการปรับตัวลงอยู่ที่ 1,400 จุด ถือตลาดยังรองรับได้อยู่
“ในภาพรวมมองว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้คือการรีบาวด์ในระดับ 1,424 จุด และ 1,438 จุด ตามลำดับ แต่เป็นการปรับขึ้นและลดลงสลับกันไป ดังนั้น นักลงทุนควรรอจังหวะอ่อนตัวแล้วค่อยช้อนซื้อ โดยจุดใกล้สุดที่ควรซื้อเพื่อการลงทุนคือ 1,400 จุด” ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าว
ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 29 ก.ค.2558 ในแดนบวกตลอดทั้งวัน และปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกหลังจากเฟดออกแถลงการณ์ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบาย โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 121.12 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 17751.39 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 15.32 จุด หรือ 0.73% ปิดที่ 2,108.57 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 22.52 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 5,111.73 จุด
กดถูกใจหน้าเพจ ThaiPBSNews
https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
- CIMB
- ECB
- FED
- GDP
- IMF
- SET INDEX
- thaipbs
- Thaipbsnews
- จีดีพี
- ซีไอเอ็มบี
- ซื้อหุ้น
- ณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ตลาดหุ้นไทยปรับลดต่อเนื่อง
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ
- นักลงทุนต่างชาติ
- ผู้อำนวยการฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)
- พันธบัตร
- ราคาทองคำ
- วิกฤตการเงินกรีซ
- สถานการณ์หุ้นไทย
- หุ้น
- หุ้นกลุ่มพลังงาน
- หุ้นตก
- หุ้นตก 200 จุด
- หุ้นธนาคาร
- หุ้นรีบาวด์
- เศรษฐกิจไทย
- ไทยพีบีเอส