ความสูญเสียของครอบครัว
ภาพสุดท้ายที่วราภรณ์ส่งเข้าโปรแกรมสนทนากลุ่มครอบครัวเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่เธอจะพาเพื่อนชาวฮ่องกงไปสักการะท้าวมหาพรหมเอราวัณและเสียชีวิตจากเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค.2558 โดยวราภรณ์มีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว แม้จะเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 6 คน แต่เธอก็คือกำลังสำคัญด้านการเงินของครอบครัว
นางปิ่น ช่างทำ แม่ของวราภรณ์ เล่าว่า ได้คุยกับลูกสาวก่อนจะเสียชีวิตประมาณ 3 วัน ลูกสาวนัดจะพาเธอไปเที่ยว ไม่เพียงแต่คำพูดสุดท้าย แต่ความห่วงใย ดูแลครอบครัวของลูกสาวคนนี้คือความประทับใจที่ทำให้แม่จำได้ไม่ลืม ทั้งเครื่องใช้ในบ้านแทบทุกอย่าง รวมถึงบ้านหลังนี้ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของวรภรณ์
ขณะที่วันที่ 12 ส.ค.2558 วราภรณ์นำพวงมาลัยมามอบให้แม่ ก็กลายเป็นความทรงจำที่ดีที่ครอบครัวได้อยู่ร่วมกับวราภรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ภายหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกสาว อาการป่วยหลายโรคอย่างหัวใจและเบาหวาน เริ่มส่งผลต่อร่างกายเพิ่มขึ้น แต่ค่ารักษาพยาบาลที่วราภรณ์เคยรับภาระ จากนี้สมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆต้องรับหน้าที่แทน
ส่วนครอบครัวของผู้เสียชีวิตชาวมาเลเซีย นำเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทำบุญส่งดวงวิญญาณที่จุดเกิดเหตุระเบิด หลังจากสมาชิกในครอบครัวที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยพร้อมกัน 7 คน แต่ประสบเหตุระหว่างมาสักการะศาลท้าวมหาพรหม เสียชีวิต 5 คน ส่วนอีก 2 คนปลอดภัยเพราะวันเกิดเหตุไม่ได้เดินทางไปด้วย
แม้จะมีการเยียวยาให้กับผู้ถูกกระทบและครอบครัวตามแนวทางที่กำหนดไว้ แต่สิ่งที่หลายครอบครัวยอมรับตรงกันคือ เหตุรุนแรงเหนือความคาดหมายที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวต้องพยายามปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น