ปภ.สรุปคลื่นสูงถล่มใต้ฝั่งอ่าวไทยกระทบ 4 จังหวัดใน 8 อำเภอ 
หลังเกิดสถานการณ์คลื่นลมแรงในจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยในระยะ 1-2 วันนี้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ชายฝั่งทะเลหลายแห่ง เช่น ที่บ้านอู่ตะเภา ตำบลท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ครอบครัวของ นางสมใจ อูปคำแสง และนางสมบูรณ์ ฟองมณี 2 ในกว่า 20 ครอบครัว ที่ต้องอพยพไปยู่ที่วัดใกล้บ้าน หลังบ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากคลื่นลมที่รุนแรงขึ้นในระยะนี้
เช่นเดียวกับที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ก่อนหน้านี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีคำเตือนให้จังหวัดนครศรีธรรมราช ระมัดระวังคลื่นลมในระยะ 1-2 วัน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดเข้าปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ซึ่งแม้เจ้าหน้าที่จะยืนยันว่า ไม่มีเหตุร้ายแรง แต่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งหลายครอบครัวก็ตัดสินใจออกจากพื้นที่แล้ว
สำหรับการให้ความมั่นใจของกรมอุตุนิยมวิทยานั้น พบว่า เว็บไซต์ของสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหวได้ออกประกาศว่า ขณะนี้ไม่มีแผ่นดินไหว หรือ คลื่นสึนามิ ที่กระทบต่อประเทศไทย หากแต่เป็นคลื่นลมแรงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน บริเวณทะเลฝั่งอ่าวไทย ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และ อย่าเชื่อข่าวลือ ขอให้รับฟังและติดตามข่าวสารจากทางกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด โดยมีรายงานด้วยว่า คลื่นลมแรงจะเกิดขึ้นอีกระลอก ในช่วงวันที่ 30 -31 ธันวาคมนี้
สำหรับเหตุการณ์คลื่นลมแรงพัดสู่เข้าชายฝั่งและน้ำทะเลหนุนสูงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปความเสียหายที่เกิดขึ้นเบื้องต้น โดยเป็นความเสียหายต่อบ้านเรือนและสิ่งสาธารณูปโภค ใน 4 จังหวัด รวม 8 อำเภอ คือ ชุมพร 1 อำเภอ ได้แก่ อ.หลังสวน ประจวบคีรีขันธ์ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ทับสะแก หัวหิน กุยบุรี และสามร้อยยอด นครศรีธรรมราช 1 อำเภอ ได้แก่ อ.ปากพนังสุราษฎร์ธานี 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ดอนสัก และไชยา ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์คลื่นซัดชายฝั่ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่มีการคาดการณ์ถึงสาเหตุการเกิดคลื่นลมแรงในขณะนี้ไปในหลายทิศทาง ซึ่งนักวิชาการชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ในขณะนี้ ไม่ใช่ปรากฎการณ์สตอมเสริต์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีพายุโซนร้อน หรือดีเปรสชั่นที่มีความเร็วลมจากศูนย์กลางประมาณ 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นริมทะเลอ่าวไทยเกือบทุกจังหวัด เป็นปรากฎการณ์คลื่นใต้น้ำสะสม ที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ของทะเลจีนใต้สะสมคลื่นสูงขึ้นจนถึงฝั่งอ่าวไทย ทำให้พื้นที่ชายหาดที่มีความลาดชันน้อย ได้รับผลกระทบ รวมถึงการมาโคจรอยู่ในแนวเดียวกันของดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดนำขึ้นน้ำลง ภาคเหนือมีอากาศหนาวจัด และภาคใต้ ซึ่งอยู่ในหน้ามรสุมมีคลื่นสูงกว่าปกติ
ขณะที่ รศ.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล หัวหน้าหน่วยศึกษาภัยพิบัติ และ ข้อสนเทศเชิงพื้นที่ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ออกมาเสนอความเห็นที่คัดค้านกับความเห็นของนายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ที่ระบุว่า เป็นปรากฎการณ์สตอมเสิรต์ โดยยืนยันว่า คลื่นที่เกิดขึ้นเป็นคลื่นลมปกติที่เกิดจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ หรือ ลมฝนของภาคใต้ ประกอบกับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ลมหนาวที่พัดมาจากทางเหนือ ซึ่งทั้ง 2 จะทำให้เกิดลมแรงจะทำให้คลื่นแรงตามไปด้วย
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นว่า เรื่องของการเตือนภัยพิบัติ โดยเฉพาะสึนามิหากเป็นการเตือนภัยล่วงหน้าให้ประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ริมชายหาดสามารถทำได้ทันท่วงที จึงต้องมีการนำข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้การเตือนภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น
