เตรียมตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา จากผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ล่าสุด เพื่อหารือแนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยขั้นตอนขณะนี้ได้จัดทำร่างรายละเอียดตัวบุคคลที่จะมาเป็นคณะทำงานชุดดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีลงนามเห็นชอบต่อไป คาดว่าจะเสนอได้ในสัปดาห์หน้า โดยมีสัดส่วน 19 คน ประกอบด้วยทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตัวแทนกระทรวงมหาดไทย และตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
ส่วนการปรับกำลังทหารชายแดนไทย-กัมพูชาที่อาจมีประชาชนไม่พอใจได้นั้น ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดอุบลราชธานี จะใช้โอกาสนี้เชิญนายกรัฐมนตรีไปเยือนกองกำลังสุรนารีและพื้นที่ผามออีแดง เพื่อสร้างความมั่นใจและไว้วางใจได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับลดกำลังในพื้นที่ เพราะต้องรอคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา ที่จะเกิดขึ้นก่อน
ส่วนบริเวณด่านพรมแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชาวกัมพูชายังคงข้ามมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ฝั่งไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรระบุว่า หลังเทศกาลปีใหม่มีชาวกัมพูชาข้ามมาซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นวันละกว่าพันคน ส่วนหนึ่งเกิดจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังการประชุม GBC เมื่อปีที่แล้ว
นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ คาดว่า ในปีนี้มูลค่าการส่งออกยุทธปัจจัยและวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์ชายแดนมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตั้งเป้าการส่งออกในปีนี้อยู่ที่ 240 ล้านบาท หลังจากปีที่แล้วเหตุการณ์การสู้รบทำให้มูลค่าการส่งออกที่ด่านพรมแดนช่องสะงำลดลงเกือบ 100 ล้านบาท
เช่นเดียวกับหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ที่ประเมินการค้าและเศรษฐกิจตามแนวชายแดนจังหวัดสุรินทร์จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภค โดยในปีนี้จะเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณตลาดการค้าช่องจอมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว คาดจะมีเงินจากธุรกิจการท่องเที่ยวและการส่งออกในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท