วันนี้ (17 ธ.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีกำหนดการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลระหว่างวันที่ 18-19 ธันวาคมนี้ โดยไทยจะจัดพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.2558) จากนั้นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะพบกับคณะนักธุรกิจของไทยและกัมพูชาที่โรงแรมดุสิตธานี ก่อนจะเดินทางไปพบปะกับชุมชนชาวกัมพูชาในไทย ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกลับมาที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งในเวลา 19.00 น.โดยนายกรัฐมนตรีของไทยจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาคารค่ำ
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วม ไทย-กัมพูชา อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 2 จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 19 ธ.ค.ก่อนที่นายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศจะร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจและร่างแถลงการร่วม ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้ และในช่วงเย็นของวันที่ 19 ธ.ค.นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีกำหนดเดินทางกลับ ถือว่าสิ้นสุดวาระการเยือนไทยในฐานะแขกของรัฐบาลไทย
ทั้งนี้ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่จะมีการลงนามร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นไปตามมติครม.เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ได้เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ คือ ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน มีสาระสำคัญครอบคลุมความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง 2 ประเทศในด้านแรงงาน ได้แก่ ความร่วมมือทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน ความร่วมมือด้านการจ้างงานระหว่าง 2 ประเทศ ความร่วมมือด้านวิชาการอื่นๆ ที่คู่เจรจามีความสนใจ รวมถึงการจัดประชุมร่วมระหว่าง 2 ฝ่าย ทั้งระดับรัฐมนตรีและระดับหน่วยงานปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อสร้างความร่วมมือด้านแรงงานและกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ตลอดจนการจัดตั้งกรอบการทำงานที่ชัดเจนเพื่ออำนวยความสะดวกของทั้ง 2 ฝ่าย และร่างข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับเดิม ซึ่งได้มีการลงนามเมื่อปี 2546 ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน อำนวยความสะดวกในการจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส คำนึงถึงสิทธิของแรงงาน และขจัดปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน เป็นผู้ลงนามของผู้แทนฝ่ายไทย ในการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน และข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจและร่างข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบได้ แต่หลังจากนั้นต้องเข้าชี้แจงเหตุผลต่อคณะรัฐมนตรีภายหลังด้วย
นับเป็นวาระที่ต้องจับตา เพราะนอกจากไทยและกัมพูชาจะได้กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นแล้ว ยังเป็นการพบกันของสมเด็จฮุนเซนและพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะพูดคุยทำความเข้าใจต่อกันในหลายๆ ประเด็น โดยพล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า จะไม่นำเรื่องการปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา โดยรอบปราสาทพระวิหารมาหารือ และด้วยเหตุผลนี้ยังต้องติดตามความเคลื่อนไหวของนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เพราะนายวีระออกมาให้สัมภาษณ์อย่างมีนัยยะว่าเตรียมเคลื่อนไหวแล้ว เพียงแต่ไม่ต้องการเปิดเผย และกล่าวย้ำในลักษณะที่ไม่ไว้วางสมเด็จฮุนเซนที่มาเยือนไทยในครั้งนี้
ล่าสุด พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.ระบุว่ายังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว