นักวิชาการผนึกกำลังภาคประชาสังคมจัดโซนนิ่งอนุรักษ์พัฒนาเมืองเก่าลพบุรี
นายฉันทฤทธิ์ วิโรจน์ศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม และที่ปรึกษาโครงการวางผังเมืองเพื่ออนุรักษ์เมืองเก่าจังหวัดลพบุรี เผยถึงแนวทางการวางผังเมืองและจัดระเบียบตัวเมืองจังหวัดลพบุรีว่า การจัดระเบียบพร้อมกับร่างตัวอย่างและทิศทางของการจัดวางวางผังเมืองเพื่ออนุรักษ์พื้นที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายในการอนุรักษ์พื้นที่ทางประวัติศาสตร์ในยุคต่าง ๆ ในพื้นที่ 1.729 ตารางกิโลเมตร ภายในกำแพงเมืองและคูเมืองยุคทวาราวดีซึ่งอยู่ในเขตตัวเมืองลพบุรี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พื้นที่ดังกล่าวได้มีการอยู่อาศัยของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งการจัดระเบียบครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนในชุมชน สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตัวเมืองลพบุรีได้ โดยทั้งการจัดระเบียบสิ่งปลูกสร้าง รักษาความสะอาด เพิ่มพื้นที่สีเขียว การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อให้เป็นที่ดึงดูดของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
"พื้นที่ตัวเมืองในเขตโบราณสถานมีการออกแบบให้เป็นพื้นที่สีเขียว มีแม่น้ำลำคลองที่สะอาด เพื่อใช้ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดลพบุรี ขณะที่พื้นที่สำหรับเศรษฐกิจจะอยู่อีกฝั่งของเมืองซึ่งจะมีการพัฒนาที่เป็นระบบและไม่กระทบกับความเป็นเมืองเก่า ซึ่งจังหวัดลพบุรีหากมีการวางแผนที่ถือถือว่าเป็นจังหวัดที่มีชัยภูมิที่ดีมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย " นายฉันทฤทธิ์ ระบุ
ทั้งนี้ยังคงเน้นการพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจให้สามารถเติบโตควบคู่กันไปได้ โดยทั้งการสร้างพื้นที่สำหรับการพัฒนาเชิง
เศรษฐกิจภายนอกเขตเมืองเก่า ซึ่งเชื่อมโยงโดยระบบราง โดยในอนาคตหากการคมนาคมขนส่งโดยระบบรางขยายจาก กรุงเทพฯ การทำธุรกิจต่าง ๆ การสร้างที่อยู่อาศัยจะสามารถรองรับการเติบโตของกรุงเทพฯในลักษณะของชานเมืองกรุงเทพฯได้ และจะช่วยให้ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งก่อสร้างโบราณภายในตัวเมืองลพบุรี โดยรูปแบบการพัฒนานี้เป็นการนำแนวคิดการพัฒนาเมืองโลเวิน ประเทศเบลเยี่ยมมาปรับใช้ให้ยุคเก่ากับยุคใหม่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว อยู่ระหว่างการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน เพื่อผลักดันแนวคิดไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพื่อให้จังหวัดลพบุรีมีการเจริญเติบโตที่ค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่กระทบต่อชุมชนและโบราณสถาน เหมือนดังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทย อาทิ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน หรือ จ.เชียงใหม่ ที่สูญเสียเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ไปไม่น้อยเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างก้าวกระโดดและท้องถิ่นปรับตัวตามไม่ทัน