ดร.ปณิธาน เห็นด้วย ครม.มีมติ นำ
รองศาสตราจารย์ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้โครงการวิจัยศึกษาองค์ประกอบเมฆและภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซ่า ขอใช้พื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อให้มีการอภิปรายตามมาตรา 179 เป็นเหตุทำให้โครงการนี้ต้องล้มเลิกไป ซึ่งรศ.ปณิธานเห็นว่า เป็นทางออกที่ดี ที่ ครม.นำเรื่องนี้เข้าสภาฯ ซึ่งจะทำให้ในระยะยาวไม่เกิดปัญหาอีก โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่นและจะเป็นผลดีให้ต่างชาติเห็นว่า ประเทศไทยมีการถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาธิปไตย
แม้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะเห็นว่ากรณีนี้ไม่เข้าข่ายตามกรอบข้อตกลงในรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ที่จะต้องส่งเรื่องให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณา แต่ด้วยข้อกังวลต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลต่อความเข้าใจของสาธารณชน และเพื่อนบ้าน คณะรัฐมนตรีจึงอาศัยกลไก นำเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาตามมาตรา 179 เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อสาธารณชนโดยไม่มีการลงมติ แต่เป็นเพียงการใหัความเห็นเท่านั้น
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกับสหรัฐอเมริกา และเชื่อว่าสหรัฐฯ จะเข้าใจ เคารพการตัดสินใจของไทย ซึ่งหลังได้ข้อสรุปจากสภาฯแล้ว จะมีการหารือและอาจขอความร่วมทางสหรัฐฯ เข้ามาดำเนินการโครงการได้อีกครั้งหรือไม่
หลังมติคณะรัฐมนตรี มีท่าทีจากนายคริสติน นีดเลอร์ โฆษกประจำสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ยืนยันว่า องค์การนาซาจำเป็นต้องยกเลิกโครงการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากต้องใช้เวลานานเกินไปในการขนย้ายและติดตั้งอุปกรณ์ และนาซาก็ไม่สามารถเลื่อนกำหนดการได้เช่นกัน
โครงการสำรวจภูมิอากาศนาซ่าที่ถูกระบุว่า มีประโยชน์ต่องานพยากรณ์อากาศ และ เตือนภัยของไทย โดยกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า จะมีประโยชน์สูงสุดหากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติของกรมอุตุฯได้รับโอกาสในการเข้าร่วม เรียนรู้องค์ความรู้ และลงมือปฏิบัติควบคู่ไปพร้อมกับนักวิจัย และ นักวิทยาศาสตร์ของนาซา ขณะที่หน่วยงานอย่างศูนย์เตือนภัยแห่งชาติ ระบุหน่วยงานจะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลวิจัยที่เป็นผลสำเร็จแล้วในขั้นตอนสุดท้ายของโครงการ