ชาวนานครศรีฯ กังวลไฟไหม้ควนเคร็งส่งผลดินเปรี้ยว

ภูมิภาค
28 มิ.ย. 55
14:24
34
Logo Thai PBS
ชาวนานครศรีฯ กังวลไฟไหม้ควนเคร็งส่งผลดินเปรี้ยว

ชาวนาใน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เกรงว่า การลอบจุดไฟเผาป่าพรุ เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน เป็นการเพิ่มความเปรี้ยวให้กับดิน หลังเพิ่งนำทฤษฎีแกล้งดิน หนึ่งในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันมาจากพระราชดำริ ขณะที่นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ วิตกว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง จะส่งผลกระทบเชื่อมโยงไปถึงพื้นที่ แรมซาไซค์ บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จ.พัทลุง ซึ่งมีรอยเขตติดต่อกัน เพราะจะไม่พื้นที่ซึบซับน้ำ

นายมนูญ ชุมทองโด ชาวนาบ้านควนโถ๊ะ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช สำรวจผืนนา 9 ไร่ เนื่องจากกังวลว่าข้าวที่กำลังตั้งท้องใกล้ออกรวงจะได้รับผลกระทบจากไฟไหม้ป่าพรุเพราะหากฝนตก น้ำที่มีความเป็นกรดสูงจากไฟไหม้ป่าพรุอาจไหลเข้าสู่ที่นาจนได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ การเผาป่าพรุในพื้นที่ ต.แหลม เพื่อเตรียมปลูกปาล์มน้ำมัน เช่นเดียวกับป่าพรุควนเคร็ง ใน 6 อำเภอ ของ จ.นครศรีธรรมราช และบางส่วนของ จ.สงขลา และจังหวัดพัทลุง ที่สร้างความเสียหายแล้วหลายพันไร่ ทำให้เกิดความกังวลว่า จะเป็นการซ้ำเติมดินของพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ที่มีความกรดสูงอยู่แล้ว เพิ่มความเป็นกรดขึ้นไปอีก และจะส่งผลกระทบกับอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกข้าว ที่เริ่มลืมตาอาปากได้จากทฤษฎีแกล้งดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สอดคล้องกับความคิดเห็นของ ผศ.ดร.โรจนัจฉริย์ ด่านสวัสดิ์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม คณบดีคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ที่ระบุว่า พรุควนเคร็งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับทะเลน้อย รวมไปถึงทะเลสาบสงขลา โดยป่าพรุเป็นแหล่งรองรับน้ำในช่วงหน้าฝน ถ้าพื้นที่พรุหายไปดินก็จะไม่อุ้มน้ำ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ถึงทะเลสาบสงขลาที่อยู่ด้านล่าง

พร้อมกันนี้ ผศ.ดร.โรจนัจฉริย์ ยังระบุอีกว่า การสูญเสียป่าพรุควนเคร็ง จะทำให้มลภาวะจากการเกษตร การพัฒนาที่ดิน ไหลลงสู่ทะเลน้อยและทะเลสาบสงขลาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสัตว์และพืชซึ่งมีหลากหลายทางชีวภาพสูง และต่อเนื่องมาถึงวิถีชีวิตของผู้คนรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาอีกจำนวนมาที่อาศัยความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในทะเลสาบสงขลาเป็นฐานในการดำรงชีวิต   


ข่าวที่เกี่ยวข้อง