ชาวนานครศรีฯ กังวลไฟไหม้ควนเคร็งส่งผลดินเปรี้ยว
นายมนูญ ชุมทองโด ชาวนาบ้านควนโถ๊ะ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช สำรวจผืนนา 9 ไร่ เนื่องจากกังวลว่าข้าวที่กำลังตั้งท้องใกล้ออกรวงจะได้รับผลกระทบจากไฟไหม้ป่าพรุเพราะหากฝนตก น้ำที่มีความเป็นกรดสูงจากไฟไหม้ป่าพรุอาจไหลเข้าสู่ที่นาจนได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ การเผาป่าพรุในพื้นที่ ต.แหลม เพื่อเตรียมปลูกปาล์มน้ำมัน เช่นเดียวกับป่าพรุควนเคร็ง ใน 6 อำเภอ ของ จ.นครศรีธรรมราช และบางส่วนของ จ.สงขลา และจังหวัดพัทลุง ที่สร้างความเสียหายแล้วหลายพันไร่ ทำให้เกิดความกังวลว่า จะเป็นการซ้ำเติมดินของพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ที่มีความกรดสูงอยู่แล้ว เพิ่มความเป็นกรดขึ้นไปอีก และจะส่งผลกระทบกับอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกข้าว ที่เริ่มลืมตาอาปากได้จากทฤษฎีแกล้งดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ ผศ.ดร.โรจนัจฉริย์ ด่านสวัสดิ์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม คณบดีคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ที่ระบุว่า พรุควนเคร็งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับทะเลน้อย รวมไปถึงทะเลสาบสงขลา โดยป่าพรุเป็นแหล่งรองรับน้ำในช่วงหน้าฝน ถ้าพื้นที่พรุหายไปดินก็จะไม่อุ้มน้ำ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ถึงทะเลสาบสงขลาที่อยู่ด้านล่าง
พร้อมกันนี้ ผศ.ดร.โรจนัจฉริย์ ยังระบุอีกว่า การสูญเสียป่าพรุควนเคร็ง จะทำให้มลภาวะจากการเกษตร การพัฒนาที่ดิน ไหลลงสู่ทะเลน้อยและทะเลสาบสงขลาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสัตว์และพืชซึ่งมีหลากหลายทางชีวภาพสูง และต่อเนื่องมาถึงวิถีชีวิตของผู้คนรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาอีกจำนวนมาที่อาศัยความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในทะเลสาบสงขลาเป็นฐานในการดำรงชีวิต