วิเคราะห์ฟอร์มการชก
ไฟท์การชกที่สำคัญที่สุดในชีวิต ของแก้ว พงษ์ประยูรได้ผ่านพ้นไปแล้ว ในการชกชิงเหรียญทองแดง ซึ่งในการชกรอบต่อมาถือว่ากำไรและเป็นโบนัสในชีวิตและแก้วก็ทำได้ดี ซึ่งในรอบรองชนะเลิศ ก็เอาชนะ"เดวิด เอย์ลาเพตยา"น นักชกจากรัสเซีย ซึ่งแก้วก็ทำผลงานได้ดี โดยผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ กับ "ซู ชิง หมิง" นักชกจากจีนเจ้าของดีดรี แชมป์โลก แชมป์โอลิมปิก,แชมป์เอเชียนเกมส์ สำหรับนักชกรุ่นไลท์ฟลายเวท (49 กก.)แล้ว ซึ่งถือว่าซู ชิงหมิง เป็นนักชกที่ดีที่สุดในโลกในขณะนี้
แต่แม้ว่าจะเก่งกาจสักเพียงไหนก็ถือว่า เกือบจะแพ้ภัยตนเองหลายต่อหลายครั้งจนเกือบจะตกตาชั่งเพราะพิษน้ำหนักเป็นพิษ ทำให้คุมน้ำหนักให้มาก และยกท้าย ๆ จะออกอากาศแผ่ว ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่แก้วจะต้องเปิดฉากออกหมัดต่อยลำตัวให้ได้และช่วงชกของแก้วที่สั้นกว่ามากหากตัดสินใจอยู่วงนอกที่ดีที่สุดจะอยู่ที่เหรียญเงิน แต่หากเดินหน้าในรูปแบบเดิมคือเดินแลกลำตัว ต่อยล่างสลับบนโอกาสที่จะคว้าเหรียญทองก็จะเปิดสำหรับแก้วทันที
"ซู ชิง หมิง" เป็นมวยที่มีประสบการณ์สูง ย่อมทราบดีว่าจะชกอย่างไรให้ได้คะแนนและเข้าตากรรมการ หากแก้วเข้าในและชกตัดลำตัวได้ แชมป์หลายทัวร์นาเมนท์จากจีนจะหนีไม่ได้และจะกดศรีษะแก้วและชกแบบตุกติก ซึ่งผู้ตัดสินบนเวทีจะต้องตามเกมให้ทันด้วย
ที่สำคัญยกแรก แก้วจะต้องชกแบบไม่ผลีผลาม สมาธิต้องดี เพราะคู่ชกปล่อยหมัดได้สวยงาม ต่อยสุดหมัดได้แต้มง่าย ซึ่งต้องไม่ปล่อยให้แต้มไหลเพราะจะไล่ไม่ทัน ซึ่งคาดว่าแก้วจะไม่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการชกไปจากเดิมมากนัก เพราะออกหมัดได้เนียนตาและมวยกำลังได้ใจ
ซึ่งหากแก้วทำได้จะสร้างประวัติศาสตร์เนื่องจากนักชกไทยยังไม่เคยมีใครได้เหรียญจากรุ่นนี้มาก่อน ถ้าชกรูปแบบเดิมที่แก้วจะเสียเปรียบในเรื่องช่วงชก แต่หากแก้วเข้าแลกวงในแก้วจะได้เปรียบทันที ซึ่งซู ชิง หมิงย่อมทราบดีว่าตนเองถนัดชกแบบสุดหมัดและเกมจะอยู่ที่วงนอกของไอวงในของยู ซึ่งเชื่อว่าเกมนี้แฟนมวยชาวไทยจะมีโอกาสเห็นธงชาติไทยโบกสะบัด กลางกรุงลอนดอนส์มีอยู่สูงและคนไทยก็พร้อมที่จะร้องเพลงชาติไทยพร้อมกัน
ทีมข่าวไทยพีบีเอสเชื่อว่า หากแก้วสามารถชกได้ในรูปแบบของตนเองไม่ออกหมัดสะเปะสะปะก็จะสามารถคว้าเหรียญทองปิดท้าย โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ได้อย่างสวยหรู