พม่าเดินหน้าปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ยกเลิกเซ็นเซอร์สื่อที่ใช้มา 48 ปี

พม่าประกาศการปฏิรูปครั้งใหญ่อีกครั้งด้วยการยุติการเซ็นเซอร์สื่อสารมวลชนที่บังคับใช้มานานถึง 48 ปี ในวันนี้ (20 ส.ค.) นับเป็นคลื่นการปฏิรูปที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการประเมินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียว่า หากพม่ายังสามารถขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ ก็จะส่งผลให้พม่ากลายเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับกลางภายในช่วง 20 กว่าปีข้างหน้า

ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี ออกรายงานทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของพม่าในวันนี้ (20 ส.ค.)ว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจพม่าจะเติบโตถึงร้อยละ 8 ต่อปี และจะกลายเป็นประเทศที่ประชาชนมีรายได้ในระดับกลางภายใน 20 กว่าปีข้างหน้า เนื่องจากพม่ามีศักยภาพสูง ทั้งในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานอายุน้อยที่มีอยู่มาก ไปจนถึงภูมิศาสตร์ของประเทศ ที่ตั้งอยู่ติดกับทั้งอินเดียและจีน รวมทั้งชาติเอเชียชาติอื่นๆ ทำให้พม่าจะได้รับผลประโยชน์จากการค้าในภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ชาติตะวันตกหลายชาติก็เล็งเห็นถึงศักยภาพและเข้าไปลงทุนในพม่า หลังมีการผ่อนคลายการคว่ำบาตร

แต่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจพม่าจะเกิดได้ก็ต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า รัฐบาลต้องเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และประชาชนในทุกระดับจะต้องได้รับประโยชน์ในการพัฒนาอย่างทั่วถึงเพื่อเสถียรภาพในประเทศ ขณะเดียวกันพม่ายังมีความท้าทายอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปภาคการเงินของประเทศให้ทันสมัย การเพิ่มศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคในประเทศ การขยายฐานทางเศรษฐกิจให้กว้างกว่าเกษตรกรรมสู่การเป็นฐานการผลิต และการลงทุนของภาคเอกชน

แม้อนาคตจะดูสดใส แต่ปัจจุบันพม่ายังคงเป็นหนึ่งในประเทศยากจนที่สุดในเอเชีย รายได้เฉลี่ยประชากรเพียงปีละ 26,500 บาท ประชากร 1 ใน 4 มีรายได้ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน และมีประชากรเพียง 1 ใน 4 ของประเทศที่มีไฟฟ้าใช้

อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าปฏิรูปประเทศยังคืบหน้าต่อเนื่อง หัวหน้าแผนกตรวจสอบและขึ้นทะเบียนสื่อ ประกาศว่านับตั้งแต่วันนี้(20 ส.ค.) เป็นต้นไป สื่อมวลชนในประเทศไม่จำเป็นต้องส่งเนื้อหาเพื่อเข้ารับการตรวจเซ็นเซอร์ก่อนตีพิมพ์ สร้างความยินดีแก่สื่อมวลชนในประเทศอย่างมาก จากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลพม่าเคยตรวจเซ็นเซอร์สิ่งพิมพ์ทุกอย่าง ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ ไปจนถึงเนื้อเพลงและแม้กระทั่งนิทานสำหรับเด็ก

พม่าเริ่มการเซ็นเซอร์อย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2507 เป็นต้นมา ทำให้สื่อมวลชนในพม่า ตกอยู่ใต้กฏเหล็กมานานถึง 48 ปี กระทั่งยกเลิกในวันนี้(20 ส.ค.)  ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว (2554) ทางการพม่าได้เริ่มผ่อนปรนยกเลิกการตรวจสอบเนื้อหาที่ไม่หนักหรือก่อให้เกิดการถกเถียงมากนักไปแล้ว และเริ่มให้อิสระในการรายงานข่าวมากขึ้น เห็นได้จากการรายงานความเคลื่อนไหวของนางออง ซาน ซูจี ที่เริ่มมีมากขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ข่าวคราวของผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เปรียบเหมือนข่าวต้องห้ามในพม่ามาก่อน